พลังงานเตรียมทยอยขึ้นดีเซล - ปรับโครงสร้างราคาในปีนี้

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่ากรณีที่ครม.เห็นชอบ 3 มาตรการช่วยเหลือประชาชน และลดภาระค่าครองชีพ ทั้งการดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร (ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 31 บาทต่อลิตร )  โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม 423 บาท ต่อถัง 15 กิโลกรัมและการลดค่าไฟที่ 19.05 สตางค์ สำหรับบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ถือเป็นมาตรการช่วยเหลือในระยะสั้น ตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  

อย่างไรก็ตามในระยะถัดไปทางกระทรวงพลังงานได้เตรียมรื้อระบบราคาพลังงานใหม่ ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการอยู่ คาดว่าจะยกร่างกฎหมายใหม่ และดำเนินการได้ภายในปีนี้ โดยคนไทยจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงราคาพลังงานที่มีความยุติธรรม สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และจะเป็นการปรับรูปแบบพลังงานของประเทศที่จะมีความยั่งยืนต่อไปในอนาคตด้วยแต่ยอมรับว่า ปัจจุบันราคาพลังงานเกือบทุกชนิดมีความผันผวนในระดับสูง เกิดจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานได้พยายามที่จะช่วยเหลือประชาชนลดภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะในส่วนของน้ำมัน รัฐบาลได้กำหนดเพดานไว้ที่ 33 บาทต่อลิตร เนื่องจากสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้อุดหนุน ติดลบกว่าแสนล้านบาทแล้ว หากไม่อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ 34 – 35 บาทต่อลิตร และอาจจะมีการปรับเพดานหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาขายปลีกในไทยก็จะปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2567 ติดลบ 109,186  ล้านบาท แยกเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 61,640  ล้านบาท และกองทุนอุดหนุนแอลพีจี 47,546 ล้านบาท โดยอัตราภาษีดีเซลบี 7 จัดเก็บที่ 5 บาท 99 สตางค์ต่อลิตร และกองทุนฯ อุดหนุนดีเซล ลิตรละ 3 บาท 58 สตางค์หรือ ราว 250 ล้านบาทต่อวัน หรือกว่า 7,500 ล้านบาทต่อเดือน การทยอยขึ้นราคาดีเซลจะช่วยลดการอุดหนุน และเพิ่มสภาพคล่องแก่กองทุนฯ 

ภาพจาก: AFP