"CGSI" แนะ "ลดน้ำหนัก" Oil-Gas "หุ้นไทย" ประเมินความไม่แน่นอน "ภาษีสหรัฐฯ" กดดีมานด์ทั่วโลก

"CGSI" แนะ "ลดน้ำหนัก" Oil-Gas "หุ้นไทย" ประเมินความไม่แน่นอน "ภาษีสหรัฐฯ" กดดีมานด์ทั่วโลก

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent ในไตรมาส 1/68 ยังคงแข็งแกร่งที่ 75.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ฯที่ 72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากความกังวลด้านอุปทาน เพราะมีการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา ในขณะที่ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯอาจน่าผิดหวัง

สรุปข่าว

CGSI แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มน้ำมันและก๊าซของไทย สะท้อนความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีและนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ ขณะที่การปรับลดสมมติฐาน GRM ทำให้ปรับลดคำแนะนำ PTTGC จาก “ถือ” เป็น “ขาย” และ SPRC จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” โดยยังเลือก PTTEP เป็น Top pick ของกลุ่มนี้

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent ในไตรมาส 1/68 ยังคงแข็งแกร่งที่ 75.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ฯที่ 72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากความกังวลด้านอุปทาน เพราะมีการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา ในขณะที่ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯอาจน่าผิดหวัง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้และปรับขึ้นภาษีภายใต้มาตรา 232 น่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดน้อยลง นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากนโยบายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและจากผลการเจรจาทางการค้าอาจทำให้มีการชะลอการเพิ่มสต็อกสินค้าโภคภัณฑ์ จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับตลาดน้ำมันโลก นอกเหนือจากมติของ OPEC+ ที่จะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย.68

ขณะที่ด้านอุปทาน ยุทธวิธีของทรัมป์ในการยกระดับ/ผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและรัสเซียเพื่อทำข้อตกลง น่าจะเห็นผลชัดเจนกว่ามาตรการภาษี เนื่องจากโรงกลั่นของสหรัฐฯยังใช้น้ำมันจากแคนาดาเป็นหลัก ขณะเดียวกัน OPEC+ มีสิทธิระงับการเพิ่มกำลังการผลิตหากราคาน้ำมันลงไปต่ำกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI จึงปรับลดประมาณการราคาน้ำมันดิบ Brent ในปี 68 และ 69 เป็น 65.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 65.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิมที่คาดไว้ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า การชะลอตัวของภาคการผลิตและการค้าทั่วโลกน่าจะฉุดให้ความต้องการน้ำมันดีเซลลดลง และการที่สหรัฐ/ สิงคโปร์มีปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสูง ยังเพิ่มแรงกดดันต่อ crack spread ของน้ำมันเบนซินช่วง 6 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนกลุ่มโรงกลั่นคือการที่น้ำมันดิบจากตะวันออกกลางมีราคาขายอย่างเป็นทางการ (OSP) ลดลง เนื่องจากโรงกลั่นในเอเชียใช้กำลังการผลิตต่ำและอุปทานเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ โรงกลั่นขนาดเล็กของจีน (teapot refinery) ที่พึ่งพิงน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาและอิหร่าน น่าจะต้อง ปรับลดอัตราการใช้กำลังการผลิตเช่นกัน ดังนั้นการที่ผลกระทบจาก crack spread ที่อ่อนตัว อาจมากกว่าผลดี จากการที่ต้นทุนน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางลดลง จึงทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ฯตัดสินใจปรับลดสมมติฐานค่าการกลั่นสิงคโปร์ในปี 68/69 จาก 5.1/6.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 4.8/5.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

สำหรับตลาด LNG (ก๊าซธรรมชาติเหลว)โลก ฝ่ายวิเคราะห์ฯมองว่าผลกระทบน่าจะไม่รุนแรงเนื่องจากอุปสงค์ในเอเชียและยุโรปค่อนข้างนิ่งมาตั้งแต่ครึ่งหลังปี 67 และประเทศในอาเซียนอาจต้องนำเข้า LNG จากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น เพื่อต่อรองทางการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะช่วยหนุนราคาก๊าซ Henry Hub ประกอบกับเชื่อว่าจีนจะไม่ปรับขึ้นภาษีนำเข้าอีเทนจากสหรัฐฯ เพราะจีนมีการผลิตอีเทนไม่พอกับความต้องการของ Ethane cracker ในประเทศ

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) กลุ่มน้ำมันและก๊าซของไทย จากเดิมที่ให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) สะท้อนความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีและนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ ขณะที่การปรับลดสมมติฐาน GRM ทำให้ปรับลดคำแนะนำ PTTGC จาก “ถือ” เป็น “ขาย” และ SPRC จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” โดยยังเลือก PTTEP เป็น Top pick ของกลุ่มนี้ เพราะมีงบดุลและเงินปันผลแข็งแกร่ง และราคาก๊าซยังทรงตัว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้จะมี downside risk หากความต้องการน้ำมันต่ำกว่าคาดและสถานการณ์การค้าโลกตึงเครียดมากขึ้น ส่วน upside risk จะมาจากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นในตะวันอออกกลาง