
ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 68 เผชิญความเสี่ยงสูง โดยสำนักวิจัยในต่างประเทศปรับลดประมาณการ GDP ไทยลงเหลือ 2.6% จากเดิม 2.7% ท่ามกลางความเสี่ยงจากนโยบายการค้า และแรงกดดันต่อภาคการผลิตที่จะยังมีต่อเนื่อง ส่วนอุปสงค์ภายในประเทศยังเปราะบาง สอดคล้องกับมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่นำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ทั้งนี้ มาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบ และประคองการเติบโตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีความจำเป็น โดยเฉพาะการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าโลก การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การลดต้นทุนผู้ประกอบการ และการยกระดับภาคการผลิตให้แข่งขันได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ดี กกร. ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 68 ไว้เท่ากับการประชุมเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) จะเติบโตได้ราว 2.4-2.9% มูลค่าการส่งออก ขยายตัว 1.5-2.5% และอัตราเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 0.8-1.2%
สรุปข่าว
ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 68 เผชิญความเสี่ยงสูง โดยสำนักวิจัยในต่างประเทศปรับลดประมาณการ GDP ไทยลงเหลือ 2.6% จากเดิม 2.7% ท่ามกลางความเสี่ยงจากนโยบายการค้า และแรงกดดันต่อภาคการผลิตที่จะยังมีต่อเนื่อง ส่วนอุปสงค์ภายในประเทศยังเปราะบาง สอดคล้องกับมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่นำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ทั้งนี้ มาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบ และประคองการเติบโตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีความจำเป็น โดยเฉพาะการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าโลก การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การลดต้นทุนผู้ประกอบการ และการยกระดับภาคการผลิตให้แข่งขันได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ดี กกร. ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 68 ไว้เท่ากับการประชุมเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) จะเติบโตได้ราว 2.4-2.9% มูลค่าการส่งออก ขยายตัว 1.5-2.5% และอัตราเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 0.8-1.2%
ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะปรับขึ้นภาษีนำเข้า ทั้งแบบเจาะจง และแบบครอบคลุมวงกว้างเพิ่มเติม โดยได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม และเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจากสินค้ากลุ่มรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา รวมทั้งมีแผนเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับประเทศต่าง ๆ ในวงกว้างสำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ เสียเปรียบจากการถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง ซึ่งอาจทำให้สินค้าไทยมีต้นทุนภาษีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6-8% ทั้งนี้ สงครามการค้าได้กดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการบริโภค และภาคบริการที่ชะลอลง ส่วนภาคอุตสาหกรรมยุโรป และญี่ปุ่น ต่างหดตัวต่อเนื่อง
ที่ประชุมกกร. ยังมีความกังวลต่อการดำเนินนโยบายจัดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทย โดยล่าสุดสหรัฐฯ มีการประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก และอะลูมิเนียมจาก 10% เป็น 25% และยกเลิกข้อยกเว้นรายประเทศ ข้อตกลงตามโควตา รวมทั้งยกเลิกการยกเว้นภาษีแบบรายสินค้า โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 68 ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่มีการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ จะต้องแบกรับภาระภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น กกร. จึงเสนอขอให้ภาครัฐเร่งมีการบูรณาการข้อมูลการค้าในทุกมิติ ระหว่างไทยและสหรัฐฯ อาทิ ดุลการค้า ดุลภาคบริการ และดิจิทัล ดุลภาคขนส่ง ดุลภาคการศึกษา เป็นต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์กำหนดท่าทีร่วมกับภาคเอกชน ในการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์ในการรับมือนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และผลกระทบจากสงครามการค้า เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ ลดการพึ่งพาตลาดเดิม
- รมว.กลาโหมสหรัฐฯ เรียกร้องเอเชียเพิ่มงบประมาณกลาโหมรับมือความมั่นคงอินโด-แปซิฟิก
- ไบเดนปรากฏตัวครั้งแรกหลังป่วยมะเร็ง เผยเข้ารับการบำบัดแล้วกำลังใจดีเยี่ยม
- ขุนคลังสหรัฐเผยเจรจา "สหรัฐฯ-จีน" สะดุด แนะผู้นำ 2 ชาติ "ทรัมป์-สี จิ้นผิง" โทรคุยตรง
- รัฐบาลทรัมป์ออกคำสั่งให้ระงับสัมภาษณ์ “วีซ่านักเรียนใหม่” มันหมายความว่าอย่างไร และ จะส่งผลกระทบต่อใครบ้าง
- จ่ายเงิน หรือ เป็นรัฐที่ 51 ทรัมป์ให้แคนาดาเลือกถ้าจะใช้ "โกลเดน โดม" สหรัฐฯ
- ครม.ไฟเขียว ร่างทรัพย์สินทางปัญญา ไทย - USTR ปูทางหลุด Watch list สหรัฐฯ
- ฮ่องกงเปิดรับนักศึกษาทุกคนที่ได้รับผลกระทบจาก "ฮาร์วาร์ด" ให้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยของฮ่องกง
TNNThailand