นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ [SGP] เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/68 ประเมินว่าจะเติบโตได้ดี โดยยอดขายจะดีกว่าไตรมาสแรกที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก และในต่างประเทศมีวันหยุดยาวช่วงตรุษจีน ซึ่งปกติแล้วยอดขายในช่วงไตรมาส 2 จะสูงกว่าไตรมาส 1 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมอยู่ในระดับทรงตัว ทั้งนี้ ในช่วงโลว์ซีซั่นบริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนและสต๊อกสินค้าให้ต่ำที่สุด มีไว้บริการลูกค้าไม่ให้ขาดแคลน
อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจของบริษัท ซึ่งประเมินว่าปีนี้ธุรกิจจะดีกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้นำเข้าก๊าซ LPG เข้ามาในประเทศบางส่วน ซึ่งก๊าซนำเข้าจะมีคุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นปั๊มก๊าซ LPG และอุตสาหกรรมที่มีความต้องการก๊าซที่มีแรงดันสูงและเผาไหม้ที่เร็วหรือเรียกว่าก๊าซเบา
ส่วนแก๊สหนักที่รับมาจากโรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนของบิวเทนที่สูงกว่า จะมีคุณสมบัติที่ทำให้ก๊าซที่ออกมาจะให้เปลวไฟนิ่ง เผาไหม้ช้าและมีแรงดันที่ต่ำกว่า เหมาะสมกับการนำไปใช้ในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้บริษัทตอบสนองความต้องการใช้ก๊าซ LPG ให้กับแต่ละกลุ่มลูกค้าได้ตรงตามความต้องการได้ดียิ่งขึ้น สนับสนุนเป้ายอดขายปีนี้ได้โตราว 10% โดยปริมาณขายก๊าซ LPG คาดอยู่ที่ราว 3.56 ล้านตัน จากปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณขายอยู่ที่ 3.23 ล้านตัน คาดทำได้ตามแผน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณการขายก๊าซ LPG ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้ที่มากขึ้น
สรุปข่าว
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ [SGP] เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/68 ประเมินว่าจะเติบโตได้ดี โดยยอดขายจะดีกว่าไตรมาสแรกที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก และในต่างประเทศมีวันหยุดยาวช่วงตรุษจีน ซึ่งปกติแล้วยอดขายในช่วงไตรมาส 2 จะสูงกว่าไตรมาส 1 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมอยู่ในระดับทรงตัว ทั้งนี้ ในช่วงโลว์ซีซั่นบริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนและสต๊อกสินค้าให้ต่ำที่สุด มีไว้บริการลูกค้าไม่ให้ขาดแคลน
อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจของบริษัท ซึ่งประเมินว่าปีนี้ธุรกิจจะดีกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้นำเข้าก๊าซ LPG เข้ามาในประเทศบางส่วน ซึ่งก๊าซนำเข้าจะมีคุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นปั๊มก๊าซ LPG และอุตสาหกรรมที่มีความต้องการก๊าซที่มีแรงดันสูงและเผาไหม้ที่เร็วหรือเรียกว่าก๊าซเบา
ส่วนแก๊สหนักที่รับมาจากโรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนของบิวเทนที่สูงกว่า จะมีคุณสมบัติที่ทำให้ก๊าซที่ออกมาจะให้เปลวไฟนิ่ง เผาไหม้ช้าและมีแรงดันที่ต่ำกว่า เหมาะสมกับการนำไปใช้ในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้บริษัทตอบสนองความต้องการใช้ก๊าซ LPG ให้กับแต่ละกลุ่มลูกค้าได้ตรงตามความต้องการได้ดียิ่งขึ้น สนับสนุนเป้ายอดขายปีนี้ได้โตราว 10% โดยปริมาณขายก๊าซ LPG คาดอยู่ที่ราว 3.56 ล้านตัน จากปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณขายอยู่ที่ 3.23 ล้านตัน คาดทำได้ตามแผน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณการขายก๊าซ LPG ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้ที่มากขึ้น
บริษัทฯตั้งงบลงทุนปีนี้ 350 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 160 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงคลังก๊าซ LPG และอีก 190 ล้านบาท ใช้เพื่อก่อสร้างและปรับปรุงคลังก๊าซ LPG ในต่างประเทศ ที่มาเลเซีย และเวียดนาม
นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนธุรกิจก๊าซ LPG นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย รวมไปถึงเล็งที่จะขยายการลงทุนเพิ่มในประเทศแถบเอเชียใต้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตคู่ขนานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อย่างมั่นคง และช่วยสนับสนุนภาพรวมการเติบโตในอนาคต
สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 1/68 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 125.06 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการ 19,608.72 ล้านบาท ต้นทุนขาย บริการ และขนส่ง 18,850.73 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 372.56 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.07 บาท
โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวม (CP Saudi Aramco) สำหรับไตรมาสแรกปี 68 ราคาเฉลี่ยประมาณ 620 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน และราคาก๊าซ LPG ล่าสุด ณ เดือนพฤษภาคม เท่ากับ 600 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน
ที่มาข้อมูล : บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์
ที่มารูปภาพ : TNN Wealth
