รัฐกระตุ้นอสังหาฯ ลดค่าโอนช่วยคนซื้อบ้าน

รัฐกระตุ้นอสังหาฯ ลดค่าโอนช่วยคนซื้อบ้าน

สรุปข่าว

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 คณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2562 ระยะที่ 2 เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 และปี 2563 โดยหนึ่งในนั้นมีมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รวมอยู่ด้วย ทั้งเรื่องของการลดค่าธรรมเนียมการโอนบ้านจาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% เช่นกัน รวมถึงการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2.5% คงที่ 3 ปี ด้วยวงเงิน 50,000 ล้านบาท สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อช่วยลดภาระ และเพิ่มโอกาสการซื้อบ้านให้กับประชาชน และยังเป็นการปลุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2562

ก่อนอื่นคงต้องเริ่มจากผลกระทบระยะสั้นที่อาจจะเกิดขึ้นกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ถ้ากระทรวงมหาดไทยไม่สามารถประกาศลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองได้เร็วจะทำให้ตลาดอยู่ในภาวะสุญญากาศไปช่วงเวลาหนึ่ง เพราะผู้ซื้อจะยังไม่ยอมโอนจนกว่ามาตรการลดภาษีจากการโอนและจดจำนองบ้านจะมีผลบังคับใช้ และจะทำให้ตลาดชะลอตัวในระยะสั้นๆ ได้ แต่ครั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการลดค่าธรรมเนียมไว้แล้วในคราวเดียวกัน การประกาศใช้คงจะไม่ล่าช้าเหมือนที่ผ่านมาซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเกือบ 1 เดือน หรือมากกว่านั้นในการออกประกาศ

ช่วยลดภาระการซื้อบ้านสูงสุด 9 หมื่นบาท
เมื่อมาตรการประกาศใช้อย่างเป็นทางการการซื้อขายที่อยู่อาศัยจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท แน่นอนว่าจะช่วยลดภาระในการซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนรายได้ปานกลางไปจนถึงรายได้น้อย ที่เพิ่งเริ่มทำงานและต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง 

โดยปกติการซื้อที่อยู่อาศัยผู้ซื้อจะต้องเสียภาษีค่าโอนและค่าจดจำนองหลักประกัน รวมกันแล้ว 3% บ้านราคา 1 ล้านบาท จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 3 หมื่นบาท ภาระตรงนี้จะเหลือเพียง 200 บาท เมื่อซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในราคา 1 ล้านบาท และเหลือเพียง 600 บาท เมื่อซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในราคา 3 ล้านบาท จากปกติจะต้องจ่ายถึง 9 หมื่นบาทเลยทีเดียว 


ซึ่งแน่นอนว่า ภาระจากการซื้อบ้านที่ลดลงจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในช่วงระยะเวลากว่า 1 ปีที่มีการใช้มาตรการนี้ และทำให้ผู้ประกอบการจะสามารถระบายสต๊อกบ้านที่ยังคงค้างอยู่ในตลาดได้มากขึ้น ซึ่งจากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า มีบ้านและคอนโดมิเนียมที่ยังเหลือขายอยู่ถึง 1.5 แสนหน่วย มูลค่า 6.7 แสนล้านบาท โดยมีโครงการบ้านจัดสรรที่เหลือขายอยู่ถึง 8.7หมื่นหน่วย มูลค่า 4 แสนล้านบาท และมีคอนโดมิเนียมเหลือขายอยู่ 6.4 หมื่นหน่วย มูลค่ากว่า 2.6 แสนล้านบาทเลยทีเดียว


ระบายสต๊อก 6 แสนล้านปลุกตลาดอสังหาฯ
สต๊อกบ้านก้อนใหญ่มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาทนี้ ถือเป็นภาระหนักของผู้ประกอบการ และเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะที่เปราะบาง หากยังไม่สามารถระบายสต๊อกเหล่านี้ออกไปได้ เพราะนั่นอาจจะหมายถึงปัญหาการขาดสภาพคล่องที่ผู้ประกอบการหวั่นวิตกว่าอาจจะเกิดขึ้นได้กับหลายๆ บริษัท มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผ่อนคลายขึ้น

ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่ง ให้ความเห็นว่า  แม้ว่ามาตรการจะยังไม่สามารถช่วยให้การขยายตัวตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้กลับมาเป็นบวกได้ แต่ก็มั่นใจว่า มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเรื่องของการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง และการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะทำให้การระบายสต๊อกคงค้างสามารถทำได้ง่ายขึ้น และตลาดจะสามารถปรับสมดุลได้เร็วขึ้น หลังจากที่สต๊อกบ้านคงค้างได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังตั้งความหวังไว้เล็กๆ ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าอาจจะฟื้นตัวกลับมาในแดนบวกได้


ผู้ประกอบการโหมโปรฯตลาดโค้งสุดท้ายระอุ
ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็คงจะไม่อยู่เฉยรอใช้มาตรการที่รัฐจัดให้เพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อรัฐโหมไฟให้เหล็กร้อนแล้วผู้ประกอบการเองก็คงต้องออกแรงตีด้วยเช่นกัน โดยมั่นใจว่า ผู้ประกอบการทุกราย จะใช้ช่วงเวลานี้ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มเติมจากมาตรการที่มีอยู่ เพื่อช่วยโหมกระแสให้ตลาดมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของการซื้อขายบ้าน และเป็นช่วงเวลาที่ต้องเร่งทำยอดขายให้ใกล้เคียงกับหมายที่ตั้งไว้ให้ได้มากที่สุด 

โดยในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2562 และคาบเกี่ยวไปถึงช่วงต้นปี 2563 เราจะได้เห็นโปรโมชั่นแรงๆ ของภาคเอกชนที่ออกมาใช้พร้อมกับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงเวลานี้ 

นอกจากผลบวกที่ทั้งผู้ซื้อบ้านและผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะได้รับจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯรอบนี้แล้ว รัฐบาลก็ตั้งความหวังไว้เช่นกันว่า การให้ยากระตุ้นกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรอบนี้จะช่วยผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในปีนี้และปีหน้าได้ไม่มากก็น้อย เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์มีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ตั้งแต่ภาคแรงงาน วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่จะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ 

อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ นอกจากจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมโอนและการจดจำนองในรอบนี้ไปกว่า 2,600 ล้านบาท สิ่งที่ต้องมานั่งคิดกันต่อว่า จะทำให้อย่างไรที่จะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยที่ไม่ต้องพึ่งพิง มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐเหมือนที่ผ่านๆ มา 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน การกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่เหมาะสมในแต่ละปี ไม่ใช่ต่างคนต่างพัฒนาโครงการจนทำให้เกิดปัญหาโอเวอร์ซัพพลายจนสินค้าค้างสต๊อกอยู่บนจำนวนมาก แต่กลับกลายเป็นว่า ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยกลับขาดแคลน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นก้าวต่อไปที่ทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และภาครัฐ จะต้องมานั่งวางยุทธศาสตร์ชาติสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งระบบร่วมกัน


เกาะติดข่าวที่นี่ 

website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ

มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ
ลดค่าโอนบ้าน
สินเชื่อบ้าน
tnnproperty