ลงนามซื้อขาย 440,000 ตัน มูลค่ากว่า 5,300 ล้านบาท

ไฮไลต์ของภารกิจ คือการลงนาม MOU กับผู้นำเข้าจีนรวม 440,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,314.95 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการซื้อหัวมันสดจากในประเทศได้มากถึง 1.68 ล้านตัน สะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าไทย และการตอบรับที่แข็งแกร่งจากตลาดจีน

ในช่วงเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปจีนรวมทั้งสิ้น 3.87 ล้านตัน มูลค่ารวม 53,334.39 ล้านบาท แบ่งเป็น:

• แป้งมันสำปะหลัง: 36,725.66 ล้านบาท
• มันเส้นและมัดอัดเม็ด: 16,380.75 ล้านบาท
• ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่น ๆ: 227.98 ล้านบาท

จับคู่ธุรกิจสำเร็จ – เปิดประตูสู่อุตสาหกรรมปลายน้ำของจีน

ความสำเร็จไม่ได้จบแค่การลงนาม แต่ยังรวมถึงกิจกรรม Business Matching ซึ่งมีผู้ประกอบการจีนเข้าร่วมกว่า 51 ราย จากอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น แอลกอฮอล์ อาหารสัตว์ กาว และกระดาษ โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญ คือการเจรจากับ New Hope Group บริษัทผลิตอาหารสัตว์ยักษ์ใหญ่ของจีนที่มีทุนจดทะเบียนสูงถึง 340,000 ล้านหยวน

ชี้โอกาสระยะยาว – สร้างเสถียรภาพรายได้ให้เกษตรกรไทย

ภารกิจที่ผ่านมานั้นไม่เพียงช่วยปลดล็อกปริมาณผลผลิตส่วนเกิน แต่ยัง เสริมความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกร และผู้ส่งออก ว่าจะมีตลาดรองรับในระยะยาว โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ที่กำลังเติบโตในจีน ซึ่งให้ความสนใจในคุณค่าทางโภชนาการของมันสำปะหลังที่เหนือกว่าธัญพืชอื่น เช่น ข้าวโพด

มาตรการเสริม – บูรณาการทั้งระบบเพื่อ “ขยายตลาด” ให้มันสำปะหลังไทย

รมว.พาณิชย์ยังได้สั่งการเพิ่มเติมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่:

• กรมการค้าภายใน ให้ดูแลด้านราคาและการตลาดในประเทศ
• กรมการค้าต่างประเทศ ขยายตลาดส่งออกแบบเชิงรุก
• ทูตพาณิชย์ หาตลาดล่วงหน้า พร้อมเน้นตลาดใหม่ เช่น เม็กซิโก ชิลี ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
• สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ได้รับคำขอให้เพิ่มการรับซื้อมันสำปะหลัง

พร้อมทั้งเน้นการ พัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก และหลุดพ้นจากรูปแบบการค้าดั้งเดิม

มันสำปะหลัง: จากสินค้าชาวไร่ สู่ยุทธศาสตร์การค้าแห่งชาติ

สรุปแล้ว “มันสำปะหลัง” ไม่ใช่เพียงพืชเศรษฐกิจ แต่กำลังก้าวขึ้นเป็น ยุทธศาสตร์การค้าสำคัญระดับชาติ ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศได้อย่างมหาศาล ด้วยมูลค่าการค้ากว่า 53,000 ล้านบาทใน 11 เดือน และแนวโน้มขยายตัวอีกในอนาคต ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับเกษตรกรไทย และผลักดันสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลก