เงินบาทเช้านี้ 25 มิ.ย. 2568 “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้ 25 มิ.ย. 2568 “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”  ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.63 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.67 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.50-32.80 บาทต่อดอลลาร์ 

สรุปข่าว

เงินบาทเช้านี้ 25 มิถุนายน 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ 32.50-32.80 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.63 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.67 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.50-32.80 บาทต่อดอลลาร์ 

นับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) แกว่งตัวในกรอบ Sideways ไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 32.60-32.74 บาทต่อดอลลาร์) หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ เงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับระยะสั้น 32.60 บาทต่อดอลลาร์ ตามการรีบาวด์สูงขึ้นจากโซนแนวรับของราคาทองคำ (XAUUSD) แถว 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทว่าการเคลื่อนไหวโดยรวมของเงินบาทยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) ที่จะรับรู้ในช่วงราว 14.00 น. ของวันพุธ 25 มิถุนายน นี้  

แนวโน้มค่าเงินบาท ประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways โดยมีโซนแนวรับ 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวต้านก็อาจอยู่ในช่วง 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนที่ตลาดจะรับรู้ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย

โดยในกรณีที่ กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ยังคงส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ เรามองว่า เงินบาทก็อาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน 

แต่หาก กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด ทว่ากลับส่งสัญญาณไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย (ซึ่งโอกาสเกิดน้อย) คล้ายกับท่าทีของเฟด มองว่า เงินบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงได้ หากบรรดานักลงทุนต่างชาติตัดสินใจขายทำกำไรสถานะลงทุนในบอนด์ โดยเฉพาะในส่วนของบอนด์ระยะยาวของไทย เนื่องจากบรรดานักลงทุนต่างชาติอาจมองว่า กนง. มีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.25% ได้ ภายในปีหน้า

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย โดยเราประเมินว่า ในการประชุมครั้งนี้ กนง. อาจมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% เพื่อรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ อย่าง การเมืองในประเทศ อีกทั้งการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงเผชิญความไม่แน่นอนสูง อาจทำให้ประสิทธิผลของนโยบายการเงินน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ทั้งนี้ กนง. อาจยังคงส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจไทย อนึ่ง ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า กนง. มีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องสู่ระดับ 1.25% ได้ภายในปีหน้า

ที่มาข้อมูล : Krungthai GLOBAL MARKETS

ที่มารูปภาพ : Getty Images