
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.71 บาท/ดอลลาร์ "แข็งค่าขึ้น" จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.85 บาท/ดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.60-31.90 บาท/ดอลลาร์
สรุปข่าว
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.71 บาท/ดอลลาร์ "แข็งค่าขึ้น" จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.85 บาท/ดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.60-31.90 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็ว ก่อนที่จะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ใกล้ระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.68-31.86 บาทต่อดอลลาร์) หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ ออกมาที่ระดับ 2.9% และ 3.1% ตามลำดับ
สอดคล้องกับคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) กลับพุ่งสูงขึ้น สู่ระดับ 263,000 ราย แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้เพียง 235,000 ราย ทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด
โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสราว 88% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ (ในการประชุม FOMC เดือนกันยายน ตุลาคม และธันวาคม) ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง พร้อมหนุนการรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ
ทั้งนี้ เรามองว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่พุ่งสูงขึ้นอาจมาจากผลกระทบของช่วงวันหยุดยาว Labor Day รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในรัฐเท็กซัสที่พุ่งสูงขึ้นต่างจากรัฐอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจเป็นผลมาจากการปลดคนงานในอุตสาหกรรมน้ำมัน และผลกระทบของการจัดเก็บข้อมูลที่อาจเผชิญความผันผวนในช่วงน้ำท่วม (Hill Country Flood) ที่บางส่วนอาจมีประเด็นการทุจริตของการยื่อขอรับสวัสดิการการว่างงานได้
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาท (USDTHB) อาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แถวโซน 31.70-31.85 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนได้ หลังผู้เล่นในตลาดได้รับรู้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปพอสมควรแล้ว ทำให้ การเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญของเงินบาทนั้น อาจจะเกิดขึ้นหลังตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC เดือนกันยายน ของเฟด ซึ่งปัจจัยที่จะกระทบต่อเงินบาทได้นั้นจะมีทั้ง การตัดสินใจของเฟดในการประชุมดังกล่าว (จะลดดอกเบี้ย 25bps หรือ 50bps) รวมถึง คาดการณ์เศรษฐกิจ (Summary of Economic Projections) และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ใหม่
อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ตามแรงขายทำกำไรของบรรดานักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามาทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทย ทั้งหุ้นและบอนด์ เป็นระยะๆ ทั้งนี้ หากราคาทองคำยังสามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นบ้าง แม้จะเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุม FOMC เดือนกันยายน เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ในระยะสั้น
อนึ่ง เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประเมินอันดับเครดิตเรทติ้งของฝรั่งเศส โดยทาง Fitch Rating เพราะหากมีการปรับลดอันดับเครดิตเรทติ้ง หรือปรับลดมุมมองลง ก็อาจสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์ฝรั่งเศส รวมถึงเงินยูโร (EUR) ได้ ทำให้มีโอกาสที่เงินดอลลาร์อาจรีบาวด์สูงขึ้นบ้าง จากการอ่อนค่าลงของเงินยูโร (EUR)
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
- เงินบาทเช้านี้ 11 ก.ย. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 31.75 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 9 ก.ย. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 31.68 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 5 ก.ย. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.27 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 4 ก.ย. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.28 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 3 ก.ย. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.32 บาท/ดอลลาร์
ที่มาข้อมูล : Krungthai GLOBAL MARKETS
ที่มารูปภาพ : Getty Images
