
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนต.ค.68 อยู่ที่ระดับ 87.3 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากระดับ 87.8 ในเดือนก.ย.68
การปรับลดลงดังกล่าว เป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น การส่งออกสินค้าคงทนปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในหมวดรถยนต์สันดาป และเครื่องปรับอากาศ จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวในตลาดออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลิตภัณฑ์ไม้ในตลาดจีน และมาเลเซีย ที่มีคำสั่งซื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะส่งผลให้ GDP ของประเทศลดลงประมาณ 0.1% ต่อสัปดาห์ คิดเป็นมูลค่าราว 7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ โดยรวม
สรุปข่าว
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนต.ค.68 อยู่ที่ระดับ 87.3 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากระดับ 87.8 ในเดือนก.ย.68
การปรับลดลงดังกล่าว เป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น การส่งออกสินค้าคงทนปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในหมวดรถยนต์สันดาป และเครื่องปรับอากาศ จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวในตลาดออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลิตภัณฑ์ไม้ในตลาดจีน และมาเลเซีย ที่มีคำสั่งซื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะส่งผลให้ GDP ของประเทศลดลงประมาณ 0.1% ต่อสัปดาห์ คิดเป็นมูลค่าราว 7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ โดยรวม
นอกจากนี้ การนำเข้าสินค้าจากจีน ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.68 เพิ่มขึ้นถึง 33.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่งผลกระทบต่อยอดขายของผู้ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (+9.78%) เหล็ก (+9.23%) และพลาสติก (+16.28%)
รวมทั้งความกังวลต่อสถานการณ์น้ำ และอุทกภัยที่ขยายวงกว้างในหลายพื้นที่ ยังคงส่งผลกระทบต่อผลผลิตของอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ตลอดจนการดำเนินธุรกิจ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาค อีกทั้งมูลค่าการค้าชายแดน และการค้าผ่านแดน ยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนก.ย.68 มูลค่าการค้ากับเมียนมา ลดลงเหลือ 9,401 ล้านบาท (-40.8%) ขณะที่การค้ากับกัมพูชา ลดลงเหลือเพียง 11 ล้านบาท (-99.9%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ในเดือนต.ค. ยังมีปัจจัยบวกหลายประการที่ช่วยประคับประคองภาวะเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กนบ.) ได้มีมติปรับลดลดราคาน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์ เหลือ 30.94 บาท/ลิตร และปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน ลง 30 สตางค์/ลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.68 เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการดังกล่าว มีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน และลดต้นทุนการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับการเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ และฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหาร หัตถกรรม ของฝาก และเครื่องนุ่งหุ่ม
ขณะเดียวกัน การบรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา ยังช่วยผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดบริเวณชายแดน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส และ เที่ยวดีมีคืน ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ส่งผลให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจโดยรวม ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า แตะระดับ “ร้อนแรง” หวังมาตรกระตุ้นภาครัฐ ฟื้นเศรษฐกิจ
- ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯ ก.ย. 2568 ขยับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน สะท้อนเชื่อมั่นรัฐบาลใหม่
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับขึ้นสู่เกณฑ์ "ร้อนแรง"
- ศึกษาโมเดล ‘Water War Room’ ภาคตะวันออก ต่อยอดบริหารจัดการน้ำยั่งยืนทั่วประเทศ
- ‘PIN’ ทำกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 176 ล้านบาท เติบโต 232%
ที่มาข้อมูล : IQ
ที่มารูปภาพ : Getty Images
