
สรุปข่าว
วันนี้ ( 18 ธ.ค.62) การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของปี 2562 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.25% เนื่องจากคณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิม และต่ำกว่าระดับศักยภาพ จากการส่งออกที่ลดลง ซึ่งส่งผลไปสู่การจ้างงานและอุปสงค์ในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเดิม ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย ที่เป็นผลจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เสถียรภาพระบบการเงินได้รับการดูแลไปแล้วบางส่วน แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่กรอบเป้าหมาย
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้การส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย มีแนวโน้มทยอยปรับดีขึ้นในปีหน้า อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ และต่ำกว่าที่ประมาณการไว้เดิม โดยการส่งออกที่ผ่านมาหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ และจะมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดตามปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลงจากสภาวะกีดกันทางการค้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในภาคการผลิต ที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออก ส่วนภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
ด้านอุปสงค์ในประเทศ การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ส่วนหนึ่งจากการเลื่อนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจและโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานบางโครงการ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากรายได้ของครัวเรือน และการจ้างงานที่ปรับลดลง โดยเฉพาะในภาคการผลิตเพื่อส่งออก ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นแรงกดดันการบริโภคภาคเอกชนในระยะถัดไป
สำหรับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2562 และ 2563 ยังมีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ จากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาดตามเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวในระดับต่ำ และอุปทานพลังงานที่จะเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทยอยปรับสูงขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น ส่วนภาวะการเงินที่ผ่านมาอยู่ในระดับผ่อนคลาย โดยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในระดับต่ำ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง ภาคเอกชนสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง แต่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง ด้านอัตราแลกเปลี่ยน แม้เงินบาททรงตัวจากการประชุมครั้งก่อน แต่ในช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวทั้งสองทิศทาง และสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาคมากขึ้น
ทั้งนี้ ภาพรวมระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสร้างความเปราะบางให้เสถียรภาพระบบการเงินได้ในอนาคต โดยเฉพาะคุณภาพสินเชื่อของธุรกิจ SMEs ที่ด้อยลง ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าควรใช้มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน (microprudential) และมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน (macroprudential) ร่วมกันอย่างเหมาะสม โดยคณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายอย่างเหมาะสม รวมทั้งจะติดตามปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบกับความสามารถในการแข่งขัน และแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ข่าวดี! ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯ ปรับขึ้นครั้งแรก ในรอบ 6 เดือน
- ปัจจัย Brexit กดดันตลาดหุ้นเอเชียปรับลด สวนทางตลาดสหรํฐฯ
เกาะติดข่าวที่นี่
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
- ธปท.ปรับเพิ่มจีดีพีปีนี้โตร้อยละ 2.3 -กนง. มีมติ 6:1 คงดอกเบี้ย
- KTBคาดกนง.ลดดอกเบี้ยสู่ร้อยละ 1.5 ในปีนี้
- จับตากนง.ลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งภายในสิ้นปี 68
- กนง.ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1.75 พร้อมหั่น GDP ปีนี้โตร้อยละ 1.3-2.0
- ตามคาด! ผลการประชุมกนง. มีมติ "ลดดอกเบี้ย" 0.25 % เป็น 1.75 % ต่อปี
- ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน “ซบเซา“ กังวลสงครามการค้า ลุ้นรัฐบาลกระตุ้น-กนง.หั่นดอกเบี้ย
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand