คุมเข้มแผนลดใช้น้ำ10%ในอีอีซี

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมชลประทานได้วางแผนบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้มีปัญหาขาดแคลนน้ำหรือแย่งน้ำระหว่างภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเหมือนในอดีต โดยในการทำงานมีการตกลงร่วมกันของผู้ใช้น้ำทั้งหมด พร้อมตั้งคณะทำงานใน Key Man Warroom  ซึ่งเป็นการบูรณาการทุกภาคส่วน ประชุมทุก 15 วัน ดังนั้น ในการบริหารน้ำภาคตะวันออกจึงเป็นไปตามข้อห่วงใยของรัฐบาล   โดยเฉพาะ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อไม่ขาดแคลนน้ำ 

ด้านสุชาติ เจริญศรี รองอธิบดีกรมชลประทาน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  พื้นที่ อีอีซี มีความต้องการใช้น้ำในฤดูแล้งรวม 430 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้มีปริมาณน้ำประมาณ 410 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังขาดอีกประมาณ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ย จึงต้องจัดหาปริมาณน้ำส่วนที่ขาด อีกทั้ง ต้องสำรองกรณีฝนทิ้งช่วงถึงเดือนมิถุนายน 2563 และจากการหารือร่วมกับทุกหน่วย พร้อมลงนามข้อตกลงกับกลุ่มผู้ใช้น้ำลุ่มน้ำคลองวังโตนด เพื่อขอผันน้ำข้ามลุ่มตามกฎหมายใหม่ โดยจะผันจากอ่างเก็บน้ำคลองประแกด จังหวัดจันทบุรี มาเติมที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง จำนวน 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนน้ำที่ยังขาดอีก 10 ล้านลูกบาศก์เกมตร จะมาจากที่ประชุม Key Man Warroom เพื่อขอความร่วมมือให้ภาคอุตสาหกรรม และการประปาทุกสาขา ลดการใช้น้ำลงกว่า 10%   

นอกจากนี้ เพื่อเตรียมการรับมือภาวะเสี่ยงขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ทางการประปาส่วนภูมิภาค หรือ กปภ. และ บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์  เตรียมแหล่งน้ำสำรอง  ทั้งนี้ เชื่อว่า จากการเชื่อมโยงโครงข่ายน้ำ  จะทำให้มีน้ำเพียงพอต่อความต้องการใช้ และผ่านแล้งนี้ไปได้

เกาะติดข่าวที่นี่ 
website: www.TNNThailand.com  
facebook : TNNThailand 
twitter : @TNNThailand 
Line : @TNNThailand 
Youtube Official : TNNThailand