สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. โดยสำนักพัฒนาพื้นที่และชุมชน 2 ได้จัดการประชุมหารือครั้งสำคัญร่วมกับสมาพันธ์ SME ไทย เพื่อ เร่งส่งเสริมและยกระดับบทบาทของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อันเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงการลงทุนขนาดใหญ่จากอุตสาหกรรมเป้าหมายไปสู่พื้นที่และชุมชนใน 3 จังหวัดหลักของอีอีซี ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
การประชุมครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ สกพอ. ในการดำเนินงานภายใต้นโยบาย "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นย้ำถึง การสร้างการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม จากทุกภาคส่วน เพื่อให้ทุกกลุ่ม ทุกขนาดธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก สามารถเติบโตและได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอีอีซี อย่างทั่วถึง
สรุปข่าว
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. โดยสำนักพัฒนาพื้นที่และชุมชน 2 ได้จัดการประชุมหารือครั้งสำคัญร่วมกับสมาพันธ์ SME ไทย เพื่อ เร่งส่งเสริมและยกระดับบทบาทของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อันเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงการลงทุนขนาดใหญ่จากอุตสาหกรรมเป้าหมายไปสู่พื้นที่และชุมชนใน 3 จังหวัดหลักของอีอีซี ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
การประชุมครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ สกพอ. ในการดำเนินงานภายใต้นโยบาย "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นย้ำถึง การสร้างการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม จากทุกภาคส่วน เพื่อให้ทุกกลุ่ม ทุกขนาดธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก สามารถเติบโตและได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอีอีซี อย่างทั่วถึง
ดร.จุฑา ธาราไชย ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาพื้นที่และชุมชน 2 สกพอ. กล่าวถึง เจตนารมณ์ของการประชุมว่า "สกพอ. เล็งเห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของ SME ที่จะเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่อีอีซี การสนับสนุนให้ SME เข้าถึงโอกาส เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี และมีขีดความสามารถในการแข่งขัน จะช่วยกระจายความเจริญ สร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนได้อย่างยั่งยืนและเป็นธรรม"
ในระหว่างการหารือ สกพอ. และสมาพันธ์ SME ไทย ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของ SME ในหลากหลายมิติ อาทิ การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการสนับสนุนผ่านกองทุนพัฒนาอีอีซี, การพัฒนาทักษะแรงงานให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย, การสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ, รวมถึงการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่าง SME ด้วยกันเอง และการเชื่อมโยงกับสถานประกอบการขนาดใหญ่ เพื่อให้ SME สามารถเข้าร่วมในห่วงโซ่อุปทานที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์ SME ไทย ได้แสดงความเชื่อมั่นในนโยบายของ สกพอ. และพร้อมเป็นแกนนำในการประสานความร่วมมือกับ SME โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก เพื่อผลักดันให้เกิดการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม และให้ SME ทุกรายสามารถคว้าโอกาสจากการพัฒนา EEC ได้อย่างเต็มศักยภาพ
