"GDP" อังกฤษ เม.ย. หดตัวร้อยละ 0.3

สำนักงานสถิติอังกฤษ ระบุว่า GDP ในเดือนเมษายนหดตัวร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เป็นการหดตัวในอัตรามากสุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่ตุลาคมปี 2566 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะหดตัวร้อยละ 0.1 

การหดตัวที่สูงดังกล่าวมาจากการที่เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการมาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ 

เมื่อเทียบการขยายตัวของ GDP รายปี พบว่า ตัวเลขในเดือนเมษายนขยายตัวร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 1.1


สรุปข่าว

GDP อังกฤษ เดือนเมษายน หดตัวร้อยละ 0.3 สูงเกินคาด ผลจากมาตรการกำแพงภาษีสหรัฐฯ

สำนักงานสถิติอังกฤษ ระบุว่า GDP ในเดือนเมษายนหดตัวร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เป็นการหดตัวในอัตรามากสุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่ตุลาคมปี 2566 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะหดตัวร้อยละ 0.1 

การหดตัวที่สูงดังกล่าวมาจากการที่เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการมาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ 

เมื่อเทียบการขยายตัวของ GDP รายปี พบว่า ตัวเลขในเดือนเมษายนขยายตัวร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 1.1


“ลิซ แมคคีวาน” ผู้อำนวยการด้านสถิติเศรษฐกิจของสำนักงานสถิติ กล่าวว่า หลังจากขยายตัวในช่วง 4 เดือนก่อนหน้า เดือนเมษายนกลายเป็นเดือนที่การส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยลดลงในสินค้าเกือบทุกประเภท นับตั้งแต่สหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีล่าสุด

ข้อมูลระบุด้วยว่า การลดลงของกิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์และกฎหมายในเดือนเมษายน หลังจากสิ้นสุดการยกเว้นภาษีชั่วคราวสำหรับการซื้อบ้าน ส่งผลให้ GDP หดตัวร้อยละ 0.2 จากที่หดตัวรวมร้อยละ 0.3 ในเดือนเมษายน

นอกจากนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ก็รายงานปริมาณการผลิตและการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ลดลง


ขณะที่ในไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวร้อยละ 0.7 แซงหน้าการเติบโตของประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มเขตเศรษฐกิจชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ G7 และกระตุ้นให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตตลอดทั้งปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 1 เมื่อเดือนพฤษภาคม

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางอังกฤษต้องเผชิญกับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อและเศรษฐกิจที่ซบเซา ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า

ที่มาข้อมูล : สำนักงานสถิติอังกฤษ

ที่มารูปภาพ : TNN