
สรุปข่าว
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรงและยาวนานกว่าที่คาดไว้ จึงออก 4 มาตรการ เพื่อดูแลภาคประชาชน และระบบการเงินของประเทศ โดยมาตรการที่ 1 การเลื่อนกำหนดชำระหนี้สำหรับธุรกิจ SMEs ที่มีสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน เป็นการพักต้น และดอกเบี้ย ให้ได้รับสิทธิ์เป็นการทั่วไป และไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต เพื่อช่วยให้ SMEs ให้มีสภาพคล่องในการดูแลพนักงาน นอกจากนี้ ธปท.ยังหวังว่า ธนาคารจะร่วมมือลูกหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับการทำธุรกิจปัจจุบัน
มาตรการที่ 2 การสนับสนุนสินเชื่อใหม่ให้ SMEs ไม่เกิน 500 ล้านบาท ให้อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ไม่คิดดอกเบี้ย 6 เดือนแรก โดยธปท.จะออก พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ให้กับธนาคารพาณิชย์ เพื่อจัดซอฟท์โลน ดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังดูแล กรณีเกิดหนี้เสียขึ้น โดยจะชดเชยความเสียหาย 70% ของสินเชื่อ กรณีวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท/// และชดเชยความเสียหาย 60% ของสินเชื่อ กรณีวงเงินสินเชื่อ 50-500 ล้านบาท
ขณะที่ มาตรการที่ 3 คือ มาตรการเสริมสภาพคล่องเพื่อดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ซึ่ง ธปท.เตรียมออก พ.ร.ก.สนับสนุนสภาพคล่องเพื่อดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน วงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อเข้าไปซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีคุณภาพดี ครบกำหนดปี 2563-64 ซึ่งเงื่อนไขต่างๆ จะมีคณะกรรมการกำกับโครงการฯ เข้ามากำหนดอีกครั้ง
และมาตรการสุดท้าย คือ การลดเงินนำส่งกองทุนเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ จากเดิม 0.46% เหลือ 0.23% ของฐานเงินฝาก เป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อให้สถาบันการเงินไปส่งต่อด้วยการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มเติมให้กับภาคประชาชน และธุรกิจทันที
สำหรับ พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับ รวมวงเงิน 9 แสนล้านบาท ผู้ว่า ธปท. ยืนยันว่า ไม่ใช่การกู้เงินของธปท. และไม่ได้นำเงินจากเงินกองทุนสำรองระหว่างประเทศแต่อย่างใด แต่เป็น การบริหารจัดการสภาพคล่องตามปกติของธปท. เพียงแต่ต้องออก พ.ร.ก.เพื่อการให้อำนาจใช้เงินบริหารจัดการสภาพคล่องและปริมาณเงินให้ตรงต่อกลุ่มเป้าหมาย ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้อย่างทันเหตุการณ์ ทั้งกลุ่ม SMEs และตลาดตราสารหนี้ รวมถึงมาตรการดูแลสถาบันการเงิน เพื่อให้เป็นกลไกเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศต่อไป โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย เศรษฐกิจไทยพร้อมจะก้าวให้ทันกับการฟื้นตัวดังกล่าว ไม่เหมือนกรณีวิกฤติปี 2540 ที่ทุกอย่าล้ม จึงเข้ามาดูแล ซึ่งต้องใช้สรรพกำลังมากกว่าหลายเท่าตัว
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand