
สรุปข่าว
แม้ว่าก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอมาตรการทางการคลังวงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 2.04 ล้านล้านดอลลาร์) ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภูมิภาคให้พื้นตัว จะช่วยลดแรงกดดันการดำเนินมาตรการQE ลงได้บ้าง
แต่กลับสวนทางกับมุมมองนักเศรษฐศาสตร์หลายรายที่เห็นว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ควรนำมาใช้อย่างทันใดของอีซีบี จะมีผลต่อเศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซนที่หดตัวในอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสแรก และมีแนวโน้มจะเลวร้ายลงยิ่งขึ้นในไตรมาสสองได้ดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะนี้ ตลาดกำลังจับตามองพัฒนาการการประชุมของธนาคารกลางยุโรป ด้วยข้อกังขาสำคัญๆ 5 ประการ ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้ประมวลไว้ ดังนี้

1. ธนาคารกลางยุโรปจะเพิ่มปริมาณการซื้อสินทรัพย์มากขึ้นได้อีกเท่าใด
การชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ออกไปจะสร้างแรงกดดันต่อนักการเมืองของยุโรปให้ต้องยอมผ่อนปรนเวลาให้แก่อีซีบีมากขึ้น เพื่อประเมินว่า การออกพันธบัตรของสหภาพยุโรปจะส่งผลกระทบต่อการซื้อสินทรัพย์ของอีซีบี อย่างไร
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์หลายรายคาดหวังว่า โครงการจัดซื้อพันธบัตรฉุกเฉินโรคระบาด ((Pandemic emergency purchase programme: PEPP) วงเงิน7.5 แสนล้านยูโร จะเพิ่มขึ้นอีกราว 5 แสนล้านยูโร ขณะที่ ABN Amro คิดว่า ขนาดของวงเงินจะเพิ่มเป็นสองเท่าตัว
นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า หากพิจารณาจากรายงานการประชุมล่าสุดของ ECB ความคิดเห็นของคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อเร็วๆ นี้ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจที่เลวร้ายลง และความคาดหวังที่จะได้เห็นการใช้จ่ายภาครัฐและการออกพันธบัตรเพิ่มมากขึ้นนั้น บ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในเดือนมิถุนายนนี้

2. แน่ใจหรือไม่ว่า ข้อเสนอตั้ง “Recovery Fund” จะช่วยลดแรงกดดันต่ออีซีบี
ที่ผ่านมา อีซีบีได้เรียกร้องมาตลอดให้ผู้นำประเทศกลุ่มยูโรโซนดำเนินนโยบายที่มากกว่าการประคับประคองการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยหวังว่า มาตรการการคลังที่ข้อเสนอจัดตั้งกองทุน “Recovery Fund” ที่ออกมาเมื่อสัปดาห์แล้วจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า แผนดังกล่าวต้องการการสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและควรดำเนินดำเนินนโยบายเพิ่มเติมให้มากขึ้นในขณะนี้ด้วย
บทวิเคราะห์ของรอยเตอร์สระบุว่า หากมีการให้สัตยาบัน แผน “Recovery Fund” นี้จะแสดงถึงก้าวสำคัญไปสู่การก่อหนี้ร่วมกัน เพื่อเป็นเครื่องมือในการระดมทุนครั้งใหญ่เป็นครั้งแรก ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะมีการออกพันธบัตรร่วมของสหภาพยุโรปอาจจูงใจให้ ECB ซื้อพันธบัตรที่ออกโดยสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ( Supranation bond ) ประเทศมากขึ้น

3. อีซีบีสามารถเพิ่มตราสราหนี้ประเภท “ นางฟ้าตกสวรรค์” ( fallen angels) ในมาตรการ QE ได้หรือไม่?
นางฟ้าตกสวรรค์ (fallen angels)คือ กลุ่มตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ถูกจัดชั้นต่ำกว่าระดับน่าลงทุน ลงมาอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงสูง หรือเทียบเท่าพันธบัตรขยะ
เอส แอนด์พี บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินชั้นนำของสหรัฐ ได้ประเมินไว้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า มีความเสี่ยงสูงที่ตราสารหนี้เอกชนจะถูกลดชั้นมาเป็นกลุ่มนางฟ้าตกสวรรค์ เพิ่มอีก 111 บริษัท
นับถึงขณะนี้ มีตราสารหนี้เอกชนที่อยู่ในกลุ่มนางฟ้าตกสวรรค์ทั้งสิ้น 24 บริษัท ในจำนวนนั้น มีมาร์ค แอนด์สเปนเซอร์ของอังกฤษ ค่ายรถยนต์เรโนลต์ของฝรั่งเศส รวมอยู่ด้วย มีมูลค่าตราสารหนี้รวมกัน 3 แสนล้านดอลลาร์ ดังนั้น หากมีบริษัทที่ถูกลดชั้นจากระดับน่าลงทุน มาเป็นระดับที่มีความเสี่ยงสูงอีก 111 ดังที่เอส แอนด์พี คาดการณ์ นั่นเท่ากับจะมีมูลค่าตราสารหนี้เอกชนที่ถูกลดชั้นเป็นพันธบัตรขยะเพิ่มขึ้นอีก 4.44 ล้านดอลลาร์
ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์จึงคาดหวังว่า อีซีบีจะเริ่มซื้อพันธบัตรของบรรดาบริษัทกลุ่มนางฟ้าตกสวรรค์ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนา
แต่จนถึงขณะนี้ ท่าทีของคณะกรรมการผกำหนดนโยบายส่วนใหญ่ยังลังเลใจที่จะซื้อตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงเหล่านั้น และในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา อีซีบีได้สร้างความผิดหวังให้กับตลาด เมื่อพวกเขาเลือกที่จะไม่รวม“ นางฟ้าตกสวรรค์” เข้าไว้ในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ โดยดำเนินการเพียงแค่ผ่อนคลายกฎระเบียบอนุญาตให้ปล่อยสินเชื่อกับสินทรัพย์ที่ถูกจัดชั้นเทียบเท่าพันธบัตรขยะเหล่านั้นได้
น่าสนใจว่า เจเริน แวน เดน เบิร์ก (Jeroen van den Broek) จาก ING คาดว่า ตราสารหนี้ภาคเอกชนในกลุ่มยูโรโซนมูลค่า 1 แสนล้านยูโร จะถูกลดอันดับจากระดับน่าลงทุน ภายในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

4. แนวโน้มเศรษฐกิจของยูโรโซนจะบอกอะไร
คริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบี คาดการณ์ในขณะนี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวลงระหว่าง -8% ถึง -12% ในปีนี้จากตัวเลขคาดการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ที่คาดว่า จะหดตัว 5% -12%
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของประเทศในยูโรโซนที่ประกาศออกมาตกต่ำมาก เช่น เยอรมันหดตัว 2.2% ต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจโลกปี 2551-2552 และตกต่ำครั้งใหญ่รอบที่2 นับตั้งแต่การรวมชาติเยอรมันปี 2533 (ค.ศ. 1990) ขณะที่ ฝรั่งเศส หดตัว 5.8% ต่ำสุดรอบ 71 ปี นับจากปี 2492 และ สเปนหดตัว 5.2% ต่ำสุดรอบ 50 ปี นับจากปี 2513 เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ของอีซีบีที่กำหนดจะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีนี้เช่นกัน มีแนวโน้มจะสะท้อนความเห็นออกมาในเชิงลบมากขึ้น และอาจเป็นตัวช่วยให้ต้องตัดสินใจดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เป้าหมายของรายงานยังให้ความสำคัญกับการคาดการณ์เงินเฟ้อ เนื่องจากอีซีบียังต้องการประเมินผลกระทบของวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ต่อการเพิ่มขึ้นของระดับราคาว่า เป็นอย่างไรด้วย

website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
- พาณิชย์สั่งห้าม ATK ขาด-ห้ามแพง ย้ำผู้ค้าต้องเติมสต๊อกทันที
- โควิด NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์หลักในไทยแล้ว มีแนวโน้มมากขึ้น
- วัคซีนโควิด-19 ไม่ถูกถอดจากรายชื่อวัคซีนแนะนำในสหรัฐฯ
- โควิด-19 ระบาดหลายภูมิภาค! "สายพันธุ์ NB.1.8.1" แพร่กระจายเร็ว อย่าชะล่าใจ
- กรมวิทย์ฯ คาดโควิดสายพันธุ์ NB.1.8.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศไทยและทั่วโลก
- “หมอยง” เปิดข้อมูลโควิดสายพันธุ์ล่าสุดที่พบในกทม. ติดต่อง่าย แพร่กระจายเร็ว
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand