
สรุปข่าว
วันนี้ (4 มิ.ย.63) นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และโฆษกกระทรวงพาณิชย์เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวลดลงร้อยละ 3.44 (YoY) โดยมีสาเหตุสำคัญจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าจะมีการปรับสูงขึ้นหลายครั้งในเดือนนี้ แต่ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ โดยเฉพาะการลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพบางรายการ
นอกจากนั้นฐานราคาอาหารสด โดยเฉพาะผักสด ในปีที่ผ่านมาค่อนข้างสูง ทำให้ราคาผักสดลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี สำหรับราคาสินค้าและบริการในหมวดอื่นๆ ส่วนใหญ่ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้องกับสถานการณ์และพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวที่ร้อยละ 0.01 (YoY) เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.- พ.ค.) ปี 2563 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ลดลงร้อยละ 1.04 (AoA) และเงินเฟ้อพื้นฐาน สูงขึ้นร้อยละ 0.40 (AoA)
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก ส่งผลให้ภาคการผลิตและบริการ ทั้งในและต่างประเทศชะลอตัว ถึงแม้ว่าจะมีหลายประเทศรวมถึงไทยได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บ้างแล้ว แต่ยังคงจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในบางกิจกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าและบริการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ดังกล่าว นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้สถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับศักยภาพการผลิตและความสามารถด้านการแข่งขันของไทยยังอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อกลับเข้าสู่ทิศทางปกติได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ภัยแล้งยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญต่อไป
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2563 สูงขึ้นร้อยละ 0.01 (MoM) และเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ปี 2563 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ลดลงร้อยละ 1.04 (AoA)
ขณะที่ ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนพฤษภาคม 2563 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 4.8 (YoY) จากร้อยละ 4.3
ทั้งนี้ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิถุนายน 2563 ยังมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ นอกเหนือจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แล้ว ยังมาจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และการส่งออกที่ยังรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งอุปทานส่วนเกินของสินค้าอุตสาหกรรมที่เป็นผลจากการลดลงของ อุปสงค์และสงครามการค้า ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรแม้ยังมีปัจจัยบวกจากภัยแล้งและอุปสงค์ในประเทศ ที่เริ่มดีขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่าง ๆ แต่การลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเป็นปัจจัยทอนที่น่าจะส่งผลต่ออุปสงค์ในภาคการผลิตและบริการอย่างมีนัยสำคัญตลอดทั้งปี ดังนั้น เงินเฟ้อในเดือนมิถุนายนมีแนวโน้มที่จะยังหดตัว แต่ในอัตราที่ลดลง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อ ทั้งปี 2563 จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างร้อยละ (-1.0) ถึง (-0.2) (ค่ากลางอยู่ที่ -0.6)
เกาะติดข่าวที่นี่
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
- โควิด NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์หลักในไทยแล้ว มีแนวโน้มมากขึ้น
- สถานการณ์โควิดป่วยสะสมพุ่ง 2.5 แสนราย สายพันธุ์ NB.1.8.1 ระบาดแรง
- จับตา "โอเปก" เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 4 แสนบาร์เรลต่อวัน หลังจากลดกำลังผลิตในการประชุม 2 ครั้งที่ผ่านมา
- “หมอยง” เปิดข้อมูลโควิดสายพันธุ์ล่าสุดที่พบในกทม. ติดต่อง่าย แพร่กระจายเร็ว
- "เงินเฟ้อ"หมวดอาหารใน"อังกฤษ"พุ่ง 4 เดือนติด
- โควิดระบาด! รมว.สธ. เผยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XEC ติดง่าย แต่หายไว
- เปิดเทอม! กรมการแพทย์แนะเฝ้าระวังห่วงเด็กเสี่ยงได้รับเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand