คาดQ2กลุ่มแบงก์กำไรหด30%

บทวิเคาาะห์ บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ของกลุ่มแบงก์ ที่จะทยอยประกาศออกมาในช่วงกลางเดือนกรกฏาคมนี้ เบื้องต้นมีแนวโน้มอ่อนแอเกือบทุกแบงก์ ตามทิศทางที่เศรษฐกิจที่หดตัวลง เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19

โดยคาดว่าจะมีกำไรรวมกัน 37,041 ล้านบาท ลดลง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 53,277 ล้านบาท และลดลง 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 63 

โดยได้รับปัจจัยกดดันจาก 1. ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่หดตัวลงตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง แต่ก็ได้รับการชดเชยบางส่วนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลง และการลดอัตราการนำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟู

2. การตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 65%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  และ 13%เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 63 ในรูปแบบของ Management Overlay เพื่อสะท้อนแนวโน้ม NPL ที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สิ้นสุดลง

3. รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ไตรมาส 2/63 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลงจากการจัดชั้นค่าธรรมเนียม Upfront Fee ในการให้สินเชื่อใหม่เป็นรายได้ดอกเบี้ยที่ทยอยรับรู้ภายใต้มาตรฐานบัญชี TFRS9 หากเทียบเป็น เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 63 รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะยังคงทรงตัว

ขณะที่ยอดสินเชื่อในช่วง 5 เดือน (มกราคมถึงพฤษภาคม 2563) แม้จะเติบโต 5.2%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ก็ไม่สามารถบรรเทา 3 ปัจจัยกดดันดังกล่าวได้ จึงทำให้กำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ของกลุ่มธนาคารยังคงมีแนวโน้มอ่อนแอทั้ง YoY และ QoQ

สำหรับมุมมองระยะยาว คาดว่าผลประกอบการของกลุ่มธนาคารจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในลักษณะ U-Shape โดยถูกกดดันจากต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และ NIM ที่แคบลง ทั้งนี้สินเชื่อภายใต้การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในลักษณะเชิงป้องกันและมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รวมทั้งสิ้น 6.68 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 34% ของสินเชื่อทั้งหมดในระบบธนาคารพาณิชย์

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นสินเชื่อและการกันเงินสำรองสำหรับสินเชื่อกลุ่มดังกล่าวจนถึงเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าทิศทาง NPL จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในปี 2564 และ 2565 จึงทำให้ธนาคารพาณิชย์จะเร่งตั้งสำรองในระดับสูงต่อไปจนถึงปี 2565 ด้วยเหตุนี้ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าแนวโน้มกำไรของกลุ่มธนาคารจะยังไม่ฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 จนกว่าจะถึงปี 2565