อัคคีภัยครองแชมป์อุบัติเหตุสูงสุด จี้โรงงานเสี่ยงสูงเช็กเครื่องจักร

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้กำชับให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม( กรอ.) แจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการโรงงาน โดยเฉพาะโรงงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุให้เฝ้าระมัดระวังตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องจักรให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ตลอดจนกิจกรรมภายในโรงงานที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เพราะหากไม่มีความระมัดระวังปัญหาที่ตามมาคือความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และอาจส่งผลกระทบในวงกว้างได้ 

ทั้งนี้จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในโรงงานปี 63 ที่ผ่านมาพบว่ามีโรงงานที่เกิดอุบัติเหตุ จำนวน 54 ครั้ง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.6% ที่มีจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น จำนวน 64 ครั้งเป็นผลมาจากการดำเนินงานด้านความปลอดภัยโรงงานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ที่ได้มีการกำกับดูแล และรณรงให้แก่ผู้ประกอบการในการให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัยและระมัดระวังในการประกอบกิจการ พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตาม หากแยกประเภทการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดพบว่า อัคคีภัยยังคงครองแชมป์อันดับ 1 มีจำนวน 42 ครั้ง รองลงมา คือ สารเคมีรั่วไหล 1 ครั้ง การระเบิด 2 ครั้ง อุบัติเหตุเกี่ยวกับเครื่องจักร 3 ครั้ง และจากสาเหตุอื่นๆ อีก 6 ครั้ง

นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ปัญหาการเกิดอัคคีภัยในสถานประกอบกิจการโรงงาน ยังคงเป็นตัวเลขที่สูงกว่าสาเหตุในด้านเห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นหลายครั้ง โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขาดการบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องและ/หรือขาดการจัดทำแผนการตรวจสอบบำรุงดูแลรักษาเครื่องจักร รวมทั้งขาดความเชี่ยวชาญหรือความรู้ในการปฏิบัติงานของเจ้า

นอกจากนี้เพื่อป้องกันการเกิดเหตุอัคคีภัย กรอ. ได้แจ้งเตือนโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ให้เพิ่มความระมัดระวังด้านความปลอดภัยตามนโยบายของรมว.อุตสาหกรรม  พร้อมกำชับให้ผู้ประกอบการโรงงานปฏิบัติตามขั้นตอนเช็กความปลอดภัยการป้องกันอัคคีภัยในโรงงานโดย กรอ. ได้จัดทำแบบตรวจสอบและประเมินตนเองด้านอัคคีภัย (Self Checklist) และร่วมมือกับอุตสาหกรรมจังหวัดตรวจสอบประเมินให้คำแนะนำแก่โรงงานที่มีความเสี่ยงในพื้นที่จังหวัดของตนเอง

ขณะเดียวกันได้จัดทำข้อปฏิบัติการป้องกันอัคคีภัยช่วงหน้าร้อนและข้อควรระวังในการใช้ระบบความเย็นที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น และคู่มือเอกสารความปลอดภัยต่างๆ  พร้อมทั้งจัดส่งเจ้าหน้าที่วิศวกรลงพื้นที่ตรวจสอบ ถ่ายทอดให้คำแนะนำด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ประกอบการอีกด้วย