
สรุปข่าว
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัสแจ้งว่า หลังหลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดรับฟังความเห็นในวงกว้าง เรื่องการปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนีเปลี่ยนมาใช้วิธี Free Float Adjusted Market Cap แทนวิธี Market Cap. เพื่อให้สะท้อนความจริง และสอดคล้องกับวิธีการคำนวณแบบสากล น่าจะเห็นความคืบหน้าในการปรับใช้อันใกล้นี้ เนื่องจากข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณรอบ 2H64 ถึงสิ้นสุดเดือน พ.ค. 64 เท่านั้น
สำหรับรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงวิธีคำนวณดัชนีพอสังเขปมีดังนี้ รอบการปรับดัชนียังเหมือนเดิม คือ เดือน ม.ค. และ ก.ค. แต่ระหว่างรอบ หากมีหุ้นมี Free Float เพิ่มขึ้น >= 5% จะมีการจัดน้ำหนักใหม่ในหุ้นชุดเดิมเดือน มี.ค. และ ก.ย.
ในปีนี้ตลาดฯ จะนำร่อง ปรับวิธีการคำนวณใน 3 ดัชนี SET50, SET100 และ SETHD ก่อน โดยมีผลบังคับใช้วันแรก คือ วันที่ 1 ก.ค. 64 นี้ และจะใช้วิธีนี้กับดัชนีอื่นๆ ในปีถัดไป โดยในรอบแรก (1 ก.ค. 64) ตลาดฯจะปรับน้ำหนักครึ่งหนึ่งของที่เปลี่ยนแปลงไปก่อน เพื่อลดความผันผวนที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนวิธีการคำนวณ
ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าจะมีหุ้นที่ได้ประโยชน์อยู่หลายบริษัท เนื่องจาก จะมีเม็ดเงินไหลเข้าหลังถูกเพิ่มน้ำหนัก อาทิ มีแรงผลักดันจากเม็ดเงิน Passive Fund ในประเทศ สูงกว่า 7 – 8 หมื่นล้านบาท, มีการเก็งกำไรและปรับพอร์ตบางส่วนก่อนวันมีผลบังคับใช้ของกองทุน Active Fund ในประเทศ เพื่อคาดหวังที่ได้ผลตอบแทน Outperform ตลาดตามนโยบาย ซึ่งมีเม็ดเงินในระบบสูงถึง 6-7 แสนล้านบาท
ทั้งนี้เบี้องต้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว นั่นคือหุ้นที่มีโอกาสอยู่ใน SET100 และมี Free Float สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 47.1% ยิ่งมี Free Float สูงยิ่งได้ประโยชน์ อาทิ BBL มี Free Float 98.6%, BANPU 87.8% , KKP 86.9%, TISCO 82.0%, SCB 76.4%, KBANK 74.5%ฯลฯ อาทิ BBL เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากการจัดน้ำหนักใหม่ด้วยวิธี Free Float Adjusted Market Cap. แล้วมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในรอบแรกจาก 1.76% เป็น 3.74% แสดงว่าเม็ดเงินจาก Passive Fund จะต้องไหลเข้า BBL เพิ่มขึ้น 57% ในรอบแรกกลางปีนี้ และจะไหลเข้าเพิ่มขึ้น 114% ในปีนี้
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand