
สรุปข่าว
วันนี้( 7 ก.ค.64 ) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า 130 ประเทศทั่วโลกได้เห็นพ้องกันในการปฏิรูประบบภาษีโลกครั้งประวัติศาสตร์ ที่จะช่วยแก้ปัญหาบริษัทข้ามชาติหลบเลี่ยงภาษีได้มากขึ้น โดยมีสาระสำคัญอยู่ 2 ประเด็นคือ การกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax) และการจัดสรรรายได้ภาษีของบริษัทข้ามชาติที่ให้บริการดิจิทัลในรูปแบบใหม่ที่มีความเป็นธรรมมากขึ้น
โดยประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งใน 130 ประเทศที่เข้าร่วมการปฏิรูประบบภาษีโลกครั้งนี้ ย่อมได้รับผลกระทบจากข้อกำหนดใหม่นี้ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเด็นคือ ผลกระทบของการกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax) ต่อความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติของไทย และ ผลกระทบของการจัดสรรเม็ดเงินภาษีจากบริษัทข้ามชาติในธุรกิจดิจิทัลต่อรายได้การจัดเก็บภาษีของไทย
ประเด็นที่ 1 ผลกระทบของการกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax) ต่อความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติของไทย ตัวอย่างกลไกการทำงานของอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก เช่น บรรษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐฯ แต่มีการลงทุนตั้งบริษัทและมีรายได้จากประเทศไอร์แลนด์ซึ่งมีอัตราภาษีนิติบุคคลที่ 12.5% เมื่ออัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก 15% มีผลบังคับใช้ ประเทศสหรัฐฯสามารถเรียกเก็บอัตราภาษีส่วนต่าง 2.5% จากกำไรของบริษัทนี้ที่ประเทศไอร์แลนด์ได้ ดังนั้น จึงทำให้ความน่าดึงดูดในการลงทุนที่ประเทศไอร์แลนด์มีลดน้อยลง
สำหรับประเทศไทย ถึงแม้ว่าไทยจะมีการเก็บอัตราภาษีนิติบุคคลอยู่ที่ 20% แต่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนก็ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่กิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3-13 ปี และการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นต้น ดังนั้น เมื่อมีการบังคับใช้อัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก สิทธิประโยชน์ทางภาษีนิติบุคคลก็จะหมดไป ปัจจุบัน มีบรรษัทข้ามชาติที่เข้าเกณฑ์ที่จะถูกบังคับใช้อัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลกอยู่ประมาณ 100 บริษัท ซึ่งรวมถึงบรรษัทข้ามชาติในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปัจจุบันลงทุนอยู่ในไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่บรรษัทข้ามชาติเลือกมาลงทุนที่ไทยไม่ได้อยู่ที่สิทธิประโยชน์ทางภาษีนิติบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น ซัพพลายเชนที่ครบวงจร โครงสร้างพื้นฐาน สิทธิประโยชน์ทางการค้า (GSP, FTA) และต้นทุนในการผลิต เข้ามาประกอบด้วย เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการบังคับใช้อัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก ก็ไม่ได้หมายความว่า การลงทุนทางตรงของไทยจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ประเด็นที่ 2 ผลกระทบของการจัดสรรเม็ดเงินภาษีจากบรรษัทข้ามชาติในธุรกิจดิจิทัลต่อรายได้การจัดเก็บภาษีของไทย ที่ผ่านมา รายได้ของการให้บริการดิจิทัลที่เกิดขึ้นในไทยบางส่วนถูกแจ้งให้เป็นรายได้ของประเทศอื่นที่มีอัตราภาษีต่ำกว่าไทย ในปี 2563 มูลค่าตลาดของการให้บริการดิจิทัลในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท ประเทศไทยจะได้รับจัดสรรรายได้ภาษีจากบรรษัทข้ามชาติในอัตรา 20%-30% ของกำไรก่อนเสียภาษีที่มากกว่า 10% ซึ่งข้อกำหนดใหม่นี้จะทำให้รายได้จัดเก็บภาษีของไทยเพิ่มขึ้นจากในปัจจุบัน และมีแนวโน้มจะมีรายได้จัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตตามยอดขายบริการดิจิทัลที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขอยกตัวอย่างวิธีการคำนวณรายได้การจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมที่ประเทศจะได้รับ สมมุติว่าบรรษัทข้ามชาติในธุรกิจดิจิทัล ก มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 50% และอัตรากำไรเฉลี่ยของบรรษัทนี้อยู่ที่ประมาณ 15% ภายใต้ข้อกำหนดใหม่ ประเทศจะได้รับจัดสรรภาษีรายได้ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาทต่อปี
สำหรับประเทศไทย กรมสรรพากรกำลังจะเริ่มจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับผู้ให้บริการดิจิทัลที่อยู่ในต่างประเทศ (non-resident providers of digital services) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 นี้ ซึ่งการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มนี้เป็นการจัดกับภาษีคนละรูปแบบกับภาษีบริการดิจิทัล (Digital Services Taxes) ซึ่งตั้งอยู่บนหลักการของภาษีเงินได้นิติบุคคล ทำให้ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องยกเลิกการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในบริการดิจิทัล เพราะฉะนั้น เมื่อข้อกำหนดใหม่นี้มีผลบังคับใช้ ประเทศไทยจะยังสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับผู้ให้บริการดิจิทัลที่อยู่ในต่างประเทศได้เหมือนเดิม และยังสามารถได้รับการจัดสรรเงินภาษีเงินได้นิติบุคคลตามข้อตกลงใหม่ได้อีกด้วย
ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าการปฏิรูปภาษีทั่วโลก น่าจะส่งผลบวกในภาพรวมต่อไทย ในแง่การจัดเก็บรายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจดิจิทัล ส่วนผลกระทบจากการกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก ที่มีความกังวลว่าจะทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาตินั้น ในเบื้องต้นอาจจะยังมีอยู่อย่างจำกัด เนื่องจากประเทศในอาเซียนที่เป็นคู่แข่งในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ก็อยู่ใน 130 ประเทศที่เข้าร่วมการปฏิรูประบบภาษีโลกครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ ปัจจัยที่บรรษัทข้ามชาติตัดสินใจเลือกมาลงทุนไม่ได้อยู่ที่สิทธิประโยชน์ทางภาษีนิติบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน ความตกลงทางการค้า และการสนับสนุนจากภาครัฐอื่นๆ ซึ่งมองว่า การบังคับใช้อัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลกน่าจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันกันเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติทั่วโลกจากการแข่งขันกันให้สิทธิพิเศษทางภาษีนิติบุคคล มาเป็นการแข่งขันกันสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการเข้าร่วมความตกลงทางการค้าเพื่อให้บริษัทต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้ามากขึ้น
- "ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม" โตแผ่ว สู้เศรษฐกิจ
- "กสิกรฯ"คาดตปท."เที่ยวไทย"ปีนี้หดตัวในรอบ 3 ปี
- "กสิกร" คาด NIM แบงก์ไทยจ่อร่วงแตะ 2.75% ในครึ่งปีหลัง ประเมินทิศทางดอกเบี้ยปรับลง แต่สินเชื่อยังฟื้นช้า
- จับตา"เงินบาท" หลังแข็งค่าสุดรอบ 7 เดือน
- ธุรกิจเชื้อเพลิงขยะปี 2569 โตต่อเนื่อง คาดมูลค่าตลาดเพิ่ม 1.45 หมื่นลบ.
- กสิกรคาดจีดีพีไทยปีนี้เสี่ยงโตต่ำกว่าร้อยละ 2
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand