
สรุปข่าว
การประชุมความร่วมมือด้านการคมนาคมขนส่งระหว่างไทย – ลาว โดยมีนายไซสงคราม มะโนทัม รองรัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว ทำหน้าที่หัวหน้าคณะฝ่ายสปป.ลาว และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่หัวหน้าคณะฝ่ายไทย พร้อมด้วยคณะผู้แทนระดับสูงจากกระทรวงคมนาคมของไทย ณ กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นการหารือที่สำคัญ เพื่อกระชับความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งระหว่างสองประเทศ โดยมุ่งเน้นประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ได้แก่ การเชื่อมโยงระบบรางระหว่างประเทศ การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทางถนนข้ามพรมแดน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคการขนส่ง ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและยั่งยืนระหว่างไทยและ สปป.ลาว ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคมขนส่งร่วมกันในอนาคต โดยหนึ่งในผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมในครั้งนี้ คือ การเปิดให้บริการรถไฟระหว่างประเทศเส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ในการเชื่อมโยงระบบรางระหว่างสองประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้มีทางรถไฟช่วงหนองคาย-ท่านาแล้ง ระยะ ทาง 3.5 กิโลเมตรเท่านั้น ต่อมาฝ่ายไทยได้ให้ความช่วยเหลือฝ่าย สปป.ลาว ในการก่อสร้างทางรถไฟขนาดทางกว้าง 1 เมตร เพิ่มเติมช่วงท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) เพิ่มเติมอีก 7.5 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีขบวนรถไฟให้บริการวันละ 4 เที่ยวไป-กลับ แบ่งเป็น 2 เที่ยวระหว่างกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์-กรุงเทพฯ และอีก 2 เที่ยวระหว่างเวียงจันทน์-อุดรธานี-เวียงจันทน์
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเปิดให้บริการรถไฟสายนี้ ว่า การเปิดให้บริการรถไฟระหว่างประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการพัฒนารถไฟที่มีประสิทธิภาพ สะดวกสบาย และปลอดภัย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเดินทางและการขนส่งระหว่างกัน รวมถึงกระตุ้นการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าค่าเดินทางมากกว่า 5 เท่า อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและลาวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้การเปิดให้บริการรถไฟสายนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของความร่วมมือระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว ที่ได้ร่วมกันผลักดันโครงการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการยกระดับการคมนาคมขนส่งทางรางในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (หนองคาย-เวียงจันทน์) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการความร่วมมือที่สำคัญระหว่างสองประเทศ โดยโครงการนี้จะประกอบด้วยการก่อสร้างสะพานรถไฟขนาดทางมาตรฐานกว้าง 1.435 เมตรและทางขนาด 1 เมตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการสัญจรและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันโครงการดังกล่าว รฟท. อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบรายละเอียดและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยฝ่ายไทยได้ขอให้ สปป.ลาว พิจารณาอำนวยความสะดวกในการสำรวจและเก็บข้อมูลในพื้นที่ฝั่งลาว เพื่อให้การศึกษาโครงการเป็นไปอย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การก่อสร้างในอนาคตโดยมีเป้าหมายกำหนดแล้วเสร็จในปี 2572 โดยที่ประชุมเห็นพ้องที่จะร่วมกันพัฒนาการก่อสร้างสะพานรถไฟแห่งที่สองข้ามแม่น้ำโขง
ในด้านการขนส่งทางถนน ที่ประชุมได้รับทราบถึงการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดนและการขนส่งผ่านแดนให้มีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนและอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้าข้ามแดนได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงแนวทางการกลับมาเปิดให้บริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศในเส้นทางที่เหลืออีก 5 เส้นทางจากทั้งหมด 13 เส้นทาง โดยขอให้ฝ่าย สปป.ลาว พิจารณาเส้นทางเชียงราย-แขวงบ่อแก้วและขยายไปยังหลวงน้ำทาเป็นเส้นทางแรก รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดใช้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 (บึงกาฬ - ปากซัน) ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ โดยฝ่ายไทยเสนอให้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้โดยเร็ว
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand