"Xiaomi" ยอมขาดทุน หวังขึ้น Top5 ผู้ผลิตรถยนต์โลก l การตลาดเงินล้าน

การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ 5 อันดับแรกของโลกถือเป็นเป้าหมายสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่มีอายุเพียง 3 ปี แต่ Xiaomi Automobile ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ Xiaomi Inc รวมถึงการสนับสนุนจากซีอีโอ เหล่ย จุน ซึ่งให้คำมั่นว่าจะลงทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในโครงการพัฒนา BEV

Xiaomi (เสียวหมี่) กำลังพยายามทำในสิ่งที่ Apple ไม่สามารถทำได้ คือการเปลี่ยนจากสมาร์ตโฟนยักษ์ใหญ่ไปเป็นผู้เล่นในตลาดอีวี ซึ่งแม้ประวัติของ Xiaomi Automobile จะสั้นแต่จนถึงขณะนี้ก็ยังค่อนข้างมีแนวโน้มเติบโตดี

Xiaomi (เสียวหมี่) พัฒนารถยนต์รุ่นเรือธง SU7 เร็วกว่าที่คาด โดยเปิดตัวในช่วงปลายปี 2023 และมีคำสั่งซื้อมากกว่า 50,000 รายการในช่วง 27 นาทีแรกที่วางจำหน่าย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทจำเป็นต้องสนับสนุนสายการประกอบและเป้าหมายการผลิตเพื่อให้ทันกับความต้องการ ขณะเดียวกันก็พัฒนารถยนต์ BEV รุ่นอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกรุ่นหนึ่ง

ในเดือนกรกฎาคม ซึ่ง Xiaomi (เสียวหมี่) ประกาศเปิดตัว SU7 รุ่น Ultra ขนาด 1,548 แรงม้าใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 นอกจากนี้ Xiaomi Automobile ยังมีรถยนต์รุ่นที่ 2 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาซึ่งจะแข่งขันกับ Tesla Model Y ในตลาดทั่วยุโรปและที่อื่น ๆ 

ขณะที่ Xiaomi (เสียวหมี่) เริ่มด้วยการเน้นไปที่ SU7 2 รุ่นในประเทศจีน แต่การขยายไปยังยุโรปจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้จัดแสดง SU7 ในกรุงปารีสระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2024 ซึ่งเหล่ย จุน กล่าวว่าจะวางจำหน่ายทั่วโลก โดยยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่เฉพาะเจาะจง

แม้ว่าจะมี EV เพียงคันเดียวในตลาด แต่ซีอีโอของเสียวหมี่ก็มีเป้าหมายใหญ่สำหรับกลุ่มยานยนต์ โดยก่อนหน้านี้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็น 1 ใน 5 ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกภายใน 15 ถึง 20 ปี แม้จะต้องลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อไปถึงจุดนั้น

ในการสนทนากับ Bloomberg TV อเลน แลม ซีเอฟโอของเสียวหมี่ ยืนยันแผนการขยายธุรกิจไปทั่วโลก รวมถึงยุโรปด้วย แม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้น ตามรายงานทางการเงินในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 ของเสียวหมี่ ธุรกิจยานยนต์ของบริษัทบันทึกผลขาดทุนสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว 1,800 ล้านหยวน และส่งมอบ SU7 BEV จำนวน 27,307 คันในจีน จำนวนการส่งมอบเหล่านั้นน่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากเสียวหมี่ได้เสร็จสิ้นการขยายสายการผลิต และได้เพิ่มเป้าหมายการผลิตเป็น 2 เท่าในปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 120,000 คัน