สรุปข่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ย.นี้ จะเป็นเดือนแรกที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเริ่มทยอยชำระหนี้เงินกู้ที่นำมาดูแลราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม(LPG ) ในช่วงที่ผ่านมา มีวงเงินรวม 105,333 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาการชำระคืนหมดภายในปี 2570
สำหรับเงินก้อนแรกที่ต้องจ่ายในเดือนพ.ย.เป็นจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยรวม 250 ล้านบาท หลังจากนั้นจะเพิ่มจำนวนเงินการจ่ายคืนในแต่ละเดือน โดยยอดจ่ายสูงสุดจะไปอยู่ที่เดือนต.ค. 2568 ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯติดลบลดลงอยู่ที่95,333 ล้านบาท แยกเป็นบัญชี น้ำมัน 47,885 ล้านบาท และก๊าซหุงต้ม 47,448 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้แนวโน้มราคาน้ำมันอยู่ในช่วงขาลงทำให้สามารถเก็บเงินจากผู้ใช้เบนซินและดีเซลได้ ส่งผลให้รายได้ไหลเข้าเดือนละ 8,100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามมาตรการตรึงราคาดีเซล 33 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในเดือนต.ค.นี้ มีโอกาสที่จะตรึงราคาระดับนี้ไปอีกจนถึงต้นปี 2568 เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯยังเรียกเก็บเงินจากดีเซลได้ลิตรละ1.66 บาท
ทั้งนี้แม้ว่าสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อราคาน้ำมันตลาดโลก แต่มองจากตัวเลขคาดการณ์ราคาดีเซลตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ยังเป็นแนวโน้มที่ยังสามารถบริหารจัดการได้ เว้นแต่จะมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันสำคัญจะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นจากการปรับเปลี่ยนเส้นทางและทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นได้
รายงานข่าวระบุว่า การดูแลราคาดีเซล 33 บาทต่อลิตร ต้องรอความชัดเจนจากนโยบายจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานจะมีการหารือในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)เร็วๆนี้
ที่มา TNN
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand