สรุปข่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ได้การสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์กว่า 50 คน ระหว่างวันที่ 13-20 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งถือเป็นการสำรวจครั้งแรกโดยสำนักข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนนับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสหรัฐ
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า สหรัฐอาจจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเกือบ 40% ในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งอาจทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจจีนลดลงถึง 1% พร้อมคาดการณ์ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ยอมเริ่มต้นด้วยการเก็บภาษีน เข้าสินค้าจีนแบบเหมารวม 60% โดยทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2568 ได้ให้คำมั่นระหว่างการหาเสียงว่าจะจัดเก็บภาษีศุลกากรสูงกับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการทางการค้า "America First" ซึ่งสร้างความไม่สบายใจในจีน และเพิ่มความเสี่ยงในการเติบโตให้กับจีน
อัตราภาษีศุลกากรที่มีแนวโน้มจะสูงกว่าอัตรา 7.5-25% ที่เรียกเก็บจากจีนในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกของโดนัลด์ ทรัมป์อย่างมากเท่านั้น แต่เศรษฐกิจยังอยู่ในสถานะที่เปราะบางกว่ามาก เนื่องจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยาวนาน ความเสี่ยงด้านหนี้สิน และความต้องการภายในประเทศที่อ่อนแอ
สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับจีน การสำรวจคาดการณ์ว่าภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2568 ลดลงประมาณ 0.5-1.0% อย่างไรก็ตามในขณะนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่สำรวจยังคงคาดการณ์การเติบโตเฉลี่ยสำหรับปีนี้และปี 2568 ไว้ที่ 4.8% และ 4.5% ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ที่ทำก่อนการเลือกตั้งสหรัฐ คาดว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงอีกเป็น 4.2% ในปี 2569
นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยสำนักข่าว Reuters ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคลงเหลือ 1.1% สำหรับปีหน้า และ 1.4% สำหรับปี 2569 ซึ่งลดลงจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.4% และ 1.6% ในการสำรวจเดือนตุลาคม
ที่มา รอยเตอร์
- ทรัมป์ถอน “จาเร็ด ไอแซกแมน” เพื่อนอีลอน มัสก์ ออกจากการเสนอชื่อเป็นผู้บริหารองค์การนาซาคนใหม่
- ทรัมป์ลุยเพิ่มภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 50% หวังดันอุตสาหกรรมในประเทศ
- "ทรัมป์" ชื่นชม "อีลอน มัสก์" ย้ำมัสก์ไม่ได้ลาขาดจาก DOGE จะกลับมาเป็นพัก ๆ
- ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากเดิม 25 เปอร์เซ็นต์ เป็น 50 เปอร์เซ็นต์
- "ธนาคารอาคารสงเคราะห์"ปล่อยกู้สินเชื่อใหม่ 8 หมื่นล้านบาท
- คาดยอดขาย"สมาร์ตโฟน"ปี 2568 โตแผ่ว
- "ธนาคารแห่งประเทศไทย"ชี้งบ 1.57 แสนล้าน ช่วย"เศรษฐกิจ"ปรับตัวได้
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand