ธุรกิจเร่งรับมือสงครามภาษีสหรัฐฯ-3 คู่ค้า

ผู้บริหารบริษัทในสหรัฐฯ ห่วงเผชิญความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับ 3 คู่ค้ารายใหญ่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าเก็บภาษีศุลกากรในอัตราร้อยละ 25 จากเม็กซิโกและแคนาดา พร้อมกับขึ้นภาษีอีกร้อยละ 10 จากการนำเข้าสินค้าจีน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสหรัฐฯ มีต้นทุนสูงขึ้น

มาตรการภาษีเป็นประเด็นที่ภาคธุรกิจอเมริกันพูดถึงมากสุดในปีนี้ ข้อมูลของ LSEG ระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2568 มีบริษัทอเมริกันรายใหญ่มากกว่า 750 แห่งที่หารือถึงเรื่องนี้ในงานพบปะนักลงทุนหรือการประชุมรายงานผลประกอบการ

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทบางแห่งเร่งรับมือด้วยการนำเข้าสินค้าล่วงหน้า แต่ผู้บริหารจำนวนมากก็ยังคงรอดูสถานการณ์ในการลงทุนและใช้จ่าย เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ปรับเปลี่ยนแผนภาษีหลายครั้ง

สรุปข่าว

ภาคธุรกิจกังวลความไม่แน่นอน พร้อมหาวิธีรับมือผลกระทบจากสงครามภาษี หลังสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีกับ 3 คู่ค้า เม็กซิโก แคนาดา และจีน

แม้มาตรการภาษีกับ 3 คู่ค้ารายใหญ่จะมีผลบังคับใช้ แต่ก็ไม่ได้ยุติความไม่แน่นอน เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนเก็บภาษีศุลกากรจากสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งสอบสวนการนำเข้าทองแดงและไม้แปรรูป ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ก็อาจใช้มาตรการภาษีตอบโต้กลับสหรัฐฯ 

“เดวิด ยัง” ผู้บริหารของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด มองว่า ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ ทำให้การตัดสินใจต้องเลื่อนหรือล่าช้าออกไป ส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงัก

ความไม่แน่นอนดังกล่าวบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อสูงขึ้น

ทั้งนี้ ในแต่ละปี สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก มูลค่า 9 แสนล้านดอลลาร์ และทั้ง 3 ประเทศมีห่วงโซ่อุปทานร่วมกันในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งชิ้นส่วนข้ามพรมแดนได้หลายครั้งในกระบวนการผลิต และมีการค้าข้ามแดนที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรม อวกาศ เกษตรกรรม และพลังงาน

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : TNN