
ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. ในการประชุมครั้งที่ 16/2568 (ครั้งที่ 958) วันที่ 30 เมษายน 2568 ได้พิจารณาข้อเสนอการปรับค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่า Ft) ประจำเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม 2568 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนดค่าเป้าหมายของค่าไฟฟ้าไว้ให้ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย
และมีมติให้ปรับค่า Ft จากเดิม 36.72 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 19.72 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงจาก 4.15 บาทต่อหน่วย เป็น 3.98 บาทต่อหน่วย หรือลดลงประมาณ 17 สตางค์ต่อหน่วย
“แนวทางการปรับลดค่าไฟในงวดพฤษภาคม - สิงหาคม 2568 กกพ. พิจารณาจากปัจจัยสองส่วนหลัก คือ ส่วนที่หนึ่ง ต้องการให้ค่าไฟอยู่ในระดับเหมาะสมกับสภาวะวิกฤตเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและลดภาระค่าครองชีพ ส่วนที่สอง จะต้องสามารถลดภาระทางการเงิน ภาระดอกเบี้ย ดูแลผลกระทบต่อเครดิตเรทติ้งของ กฟผ. ควบคู่กันไปด้วย ในรอบนี้ กกพ. จึงเลือกแนวทางที่จะนำเงินที่ได้จากการเรียกคืนประโยชน์ส่วนเกินจากการไฟฟ้า จำนวนประมาณ 12,200 ล้านบาทมาลดค่าไฟ โดยแนวทางนี้ กฟผ. ยังคงได้รับการชำระคืนค่าเชื้อเพลิงคงค้างใกล้เคียงจำนวนตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 20.33 สตางค์ต่อหน่วย หรือเป็นเงินรวม 14,590 ล้านบาท” ดร.พูลพัฒน์ กล่าว
สรุปข่าว
ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. ในการประชุมครั้งที่ 16/2568 (ครั้งที่ 958) วันที่ 30 เมษายน 2568 ได้พิจารณาข้อเสนอการปรับค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่า Ft) ประจำเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม 2568 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนดค่าเป้าหมายของค่าไฟฟ้าไว้ให้ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย
และมีมติให้ปรับค่า Ft จากเดิม 36.72 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 19.72 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงจาก 4.15 บาทต่อหน่วย เป็น 3.98 บาทต่อหน่วย หรือลดลงประมาณ 17 สตางค์ต่อหน่วย
“แนวทางการปรับลดค่าไฟในงวดพฤษภาคม - สิงหาคม 2568 กกพ. พิจารณาจากปัจจัยสองส่วนหลัก คือ ส่วนที่หนึ่ง ต้องการให้ค่าไฟอยู่ในระดับเหมาะสมกับสภาวะวิกฤตเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและลดภาระค่าครองชีพ ส่วนที่สอง จะต้องสามารถลดภาระทางการเงิน ภาระดอกเบี้ย ดูแลผลกระทบต่อเครดิตเรทติ้งของ กฟผ. ควบคู่กันไปด้วย ในรอบนี้ กกพ. จึงเลือกแนวทางที่จะนำเงินที่ได้จากการเรียกคืนประโยชน์ส่วนเกินจากการไฟฟ้า จำนวนประมาณ 12,200 ล้านบาทมาลดค่าไฟ โดยแนวทางนี้ กฟผ. ยังคงได้รับการชำระคืนค่าเชื้อเพลิงคงค้างใกล้เคียงจำนวนตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 20.33 สตางค์ต่อหน่วย หรือเป็นเงินรวม 14,590 ล้านบาท” ดร.พูลพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กกพ. ได้ตรวจสอบและรับรองจำนวนเงินที่ได้จากการเรียกคืนประโยชน์ส่วนเกินของการไฟฟ้า มาได้ทั้งสิ้นประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยนำมาใช้ในการลดค่าไฟในงวดพฤษภาคม - สิงหาคม 2568 จำนวน 12,200 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 7,800 ล้านบาท สำรองไว้สำหรับการดูแลค่าไฟฟ้าในระยะต่อไป ซึ่ง กกพ. มองว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังคงผันผวนและมีความไม่แน่นอน
- จับตา"ค่าไฟ"งวดใหม่ลุ้นถูกกว่า 3.98 บาท
- หมดความเชื่อมั่นนโยบาย "ทรัมป์" คนอเมริกันกังวลเศรษฐกิจ l World Wide Wealth
- "กฟผ." ยันทุกเขื่อนยังแข็งแรง หลัง"แผ่นดินไหว"
- กฟผ.แจงทุกเขื่อนยังมั่นคง หลังแผ่นดินไหวทองผาภูมิ 2.4
- ข่าวดี! ค่าไฟไม่ขยับ อยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วยจนถึง ส.ค.
- “กังวลหนี้สิน - รายได้ ไม่พอใช้” ปัญหาปชช.กังวลมากสุด จากสวนดุสิตโพล
- ญี่ปุ่นขึ้นค่าแรงร้อยละ 5 มากสุดในรอบ 30 ปี
ที่มาข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
ที่มารูปภาพ : สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
