
ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF ) กล่าวว่า CMDF มุ่งสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาระบบนิเวศของตลาดทุนไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเงินการลงทุน พัฒนาศักยภาพบุคลากรในตลาดทุน และมีบทบาทในการสนับสนุนการผลักดันกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจการเงินการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งยกระดับการทำวิจัยด้านตลาดทุนไทยเพื่อให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินการลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ มุ่งผลักดันให้ผลการวิจัยถูกนำไปใช้จริง
โดยส่งต่อองค์ความรู้และข้อเสนอเชิงนโยบายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินงานหรือกำหนดแนวทางเชิงปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยในปี 2567ที่ผ่านมา CMDF ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่ 22 โครงการอาทิ การพัฒนาด้านESG การพัฒนาบุคลากรตลาดทุน และการส่งเสริมให้ประชาชนมี Investment literacy เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
นอกจากนี้ ยังได้ให้การสนับสนุนการศึกษาแนวทางการจัดทำนโยบายบัญชีการออมส่วนบุคคล (TISA) เพื่อวางรากฐานเชิงโครงสร้างด้านการออมที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับทางกระทรวงการคลังเพื่อให้สิทธิทางภาษีเพื่อสนับสนุนการออมผ่านการลงทุนในตลาดหุ้นไทย สะท้อนความมุ่งมั่นของ CMDF ในการเป็นกลไกขับเคลื่อนตลาดทุนไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
สรุปข่าว
ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF ) กล่าวว่า CMDF มุ่งสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาระบบนิเวศของตลาดทุนไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเงินการลงทุน พัฒนาศักยภาพบุคลากรในตลาดทุน และมีบทบาทในการสนับสนุนการผลักดันกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจการเงินการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งยกระดับการทำวิจัยด้านตลาดทุนไทยเพื่อให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินการลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ มุ่งผลักดันให้ผลการวิจัยถูกนำไปใช้จริง
โดยส่งต่อองค์ความรู้และข้อเสนอเชิงนโยบายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินงานหรือกำหนดแนวทางเชิงปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยในปี 2567ที่ผ่านมา CMDF ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่ 22 โครงการอาทิ การพัฒนาด้านESG การพัฒนาบุคลากรตลาดทุน และการส่งเสริมให้ประชาชนมี Investment literacy เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
นอกจากนี้ ยังได้ให้การสนับสนุนการศึกษาแนวทางการจัดทำนโยบายบัญชีการออมส่วนบุคคล (TISA) เพื่อวางรากฐานเชิงโครงสร้างด้านการออมที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับทางกระทรวงการคลังเพื่อให้สิทธิทางภาษีเพื่อสนับสนุนการออมผ่านการลงทุนในตลาดหุ้นไทย สะท้อนความมุ่งมั่นของ CMDF ในการเป็นกลไกขับเคลื่อนตลาดทุนไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นอกจากนี้ ประธานกรรมการ CMDF ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการของแผนการศึกษาการจัดตั้งกระดานซื้อขายหุ้นใหม่ สำหรับบริษัทเทคโนโลยี (New Economy) และบริษัทสตาร์ตอัพ (Startup) เหมือนโมเดลในต่างประเทศ ว่า ใน 3-4 เดือนนี้ จะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยขณะนี้กำลังให้ทีมตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งพิจารณาโมเดลจากทั้ง จีน, มุมไบ, เวียดนาม และอเมริกา (New York Stock Exchange) รวมทั้งพิจารณากฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และวิเคราะห์ถึงข้อดีและข้อเสียที่จะเกิดขึ้น
โดยตามแผนจะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ หรือบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยและขอสิทธิประโยชน์จาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และผลักดันบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่ต้องการ Spin-Off บริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยี โดยไม่ต้องรอมีกำไร 3 ปี สามารถเข้ามาจดทะเบียนในกระดานใหม่นี้ได้เลย และพร้อมจะสนับสนุนในการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม
และมีแผนที่อาจจะย้ายบริษัทในกลุ่มเฮลท์แคร์ ที่ถือเป็นจุดเด่นของประเทศไทย ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET ย้ายมารวมอยู่ในกระดานใหม่นี้ทั้งหมด รวมไปถึงบริษัทในกลุ่มไอทีด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับ New Economy แต่แนวทางนี้ต้องไปศึกษาข้อดีข้อเสียให้รอบคอบอีกครั้ง ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนนั้น อาจใช้วิธีดึง CMDF ตั้งกองทุนการร่วมลงทุน (Matching Fund) เพื่อมาลงทุนในบริษัทในกระดานเทรดใหม่ก็เป็นได้ เพื่อนำร่องเป็นเจ้าภาพและสนับสนุนบริษัทใหญ่ ๆ เข้ามาลงทุนต่อไป
ด้าน นายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการ CMDF กล่าวว่า นับตั้งแต่กองทุน CMDF เริ่มดำเนินการขึ้นเมื่อปี 2563 มีเงินทุนตั้งต้นอยู่ที่ 5,700 ล้านบาท และได้รับเงินสนับสนุนนำส่งมาจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมาณร้อยละ 90 ของกำไรในแต่ละปี ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นปี 2567 กองทุน CMDF มีเงินที่บริหารจัดการอยู่รวมประมาณ 5,800-5,900 ล้านบาท โดยเงินก้อนนี้ถูกบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) ซึ่งได้ผลตอบแทนอยู่ประมาณร้อยละ 4-5 ต่อปี
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2563 - 2567 CMDF ได้อนุมัติโครงการที่เป็นทุนสนับสนุนแล้วรวม 153 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2,928 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีโครงการดำเนินการแล้วเสร็จ 83 โครงการ ซึ่งล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบนิเวศของตลาดทุนในด้านต่าง ๆ และสอดคล้องกับพันธกิจของ CMDF นอกจากการศึกษาแนวทางการจัดทำนโยบายบัญชีการออมส่วนบุคคล (TISA) แล้ว ในปี 2567 สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน (CMRI) ภายใต้ CMDF ยังได้สนับสนุนงานวิจัยอื่นที่หลากหลาย
อาทิ แนวทางการบริหารเงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลังเกษียณอายุ การศึกษาเพื่อป้องกันปัญหาการฉ้อโกงในตลาดทุนและแนวทางการปกป้องนักลงทุน แนวทางการพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย เป็นต้น ในด้านการพัฒนานักวิจัย มีโครงการสนับสนุนนักวิจัยรุ่นใหม่ให้สนใจทำงานด้านตลาดทุนเพิ่มขึ้น (Researcher Pool) โดย CMDF ร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สนับสนุนทุนวิจัยในรูปแบบ Matching Fund ให้แก่นักวิจัยรุ่นใหม่ด้านตลาดทุนที่เป็นบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาภายใต้สังกัดของกระทรวง อว.
สำหรับ ผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการที่ผ่านมา CMDF ได้ส่งเสริมการพัฒนาองค์กรกว่า 3,500 องค์กรพัฒนาบุคลากรในตลาดทุนรวมกว่า 15,000 คน ส่งเสริมการศึกษาสำหรับบุคลากรในอุตสาหกรรมทั้งที่เป็น Global และ Local Certificate รวมกว่า 940 ราย เผยแพร่และสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ มียอดเข้าถึงกว่า 80 ล้านครั้งรวมถึงการเผยแพร่งานวิจัยผ่านเว็บไซต์ CMRI รวมกว่า 50 บทความ ยอดเข้าชมมากกว่า 17,300 ครั้ง เผยแพร่งานวิจัยผ่านหน่วยงานต่าง ๆ มากกว่า 600 เล่ม ให้แก่ 30 หน่วยงาน สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.cmdf.or.th/grant/result-announcement/
สำหรับ CMDF ถือเป็นนิติบุคคลภายใต้พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2563 มีวัตถุประสงค์ 4 ด้าน ได้แก่ (1) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน (2)ส่งเสริมให้มีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน (3) เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุน ให้แก่ผู้ลงทุน ประชาชน หน่วยงาน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง และ (4) สนับสนุนงานวิจัย
ที่มาข้อมูล : กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)
ที่มารูปภาพ : กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)