ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนเริ่มส่งสัญญาณคลี่คลาย หลังทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุ "กรอบการดำเนินงาน" สำหรับข้อตกลงทางการค้า ภายหลังการเจรจาระดับสูงที่กรุงลอนดอนนานสองวัน โดยสาระสำคัญของข้อตกลงนี้คือการแลกเปลี่ยนกันระหว่างการส่งออก “แร่หายาก” จากจีนกับการผ่อนคลายข้อจำกัดส่งออกเทคโนโลยี โดยเฉพาะชิปเซมิคอนดักเตอร์จากสหรัฐฯ ถือเป็นข้อตกลงแบบ win-win ที่ส่งผลเชิงบวกต่อทั้งภาคอุตสาหกรรม พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า และระบบอาวุธไฮเทค ซึ่งต่างฝ่ายต่างต้องพึ่งพากันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สรุปข่าว
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนเริ่มส่งสัญญาณคลี่คลาย หลังทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุ "กรอบการดำเนินงาน" สำหรับข้อตกลงทางการค้า ภายหลังการเจรจาระดับสูงที่กรุงลอนดอนนานสองวัน โดยสาระสำคัญของข้อตกลงนี้คือการแลกเปลี่ยนกันระหว่างการส่งออก “แร่หายาก” จากจีนกับการผ่อนคลายข้อจำกัดส่งออกเทคโนโลยี โดยเฉพาะชิปเซมิคอนดักเตอร์จากสหรัฐฯ ถือเป็นข้อตกลงแบบ win-win ที่ส่งผลเชิงบวกต่อทั้งภาคอุตสาหกรรม พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า และระบบอาวุธไฮเทค ซึ่งต่างฝ่ายต่างต้องพึ่งพากันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ นายฮาวเวิร์ด ลัทนิค ย้ำว่ากรอบข้อตกลงนี้เป็นการนำข้อตกลงเจนีวาที่เคยบรรลุก่อนหน้าไปสู่การปฏิบัติจริง ขณะที่บรรยากาศการเจรจาก็เปลี่ยนแปลงในทางบวก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีการพูดคุยกันเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงสามารถเร่งรัดความคืบหน้าได้ แม้ยังไม่มีการกำหนดประชุมรอบถัดไปอย่างเป็นทางการ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยืนยันว่าจะยังคงติดต่อกันอย่างใกล้ชิดในช่วง 48 ชั่วโมงข้างหน้า สำหรับเบื้องหลังที่ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้น เป็นผลมาจากมาตรการตอบโต้กันไปมาที่เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ โ
โดยจีนมองว่าสหรัฐฯ ใช้การควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีอย่างไม่เป็นธรรม ขณะที่สหรัฐฯ ก็กังวลว่าการควบคุมแร่หายากของจีนจะทำลายเสถียรภาพห่วงโซ่อุปทานโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ รถ EV และอาวุธไฮเทค ทำให้ดีลครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “สัญญาณพักรบ” ชั่วคราวที่อาจคลายความตึงเครียดในระยะสั้น และแม้ยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญของการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ที่โลกกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด
