"ธปท."เปิดไทม์ไลน์กำกับ"ธุรกิจลิสซิ่ง" 3 พันราย

นางสาวพีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยายนต์ ธปท.อาศัยอำนาจพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 และจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไปนั้น

ในระหว่างนี้ธปท.จะมีแผนดำเนินการงานโดยในเดือนกรกฎาคมนี้ ธปท.จะจัด Focus group กับสมาคมที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมเช่าซื้อฯ สมาคมลิสซิ่ง จากนั้นในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2568 จะเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศธปท.เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกำกับดูแล อาทิ อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ซึ่งจะมีการทบทวนใหม่ จากเดิมสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. จะเป็นผู้กำหนดซี่งจะมีการทบทวนทุก 3 ปี และปีนี้ก็ครบกำหนดต้องทบทวนพอดี โดยธปท.จะเป็นผู้พิจารณาแทนสคบ.  

โดยการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนั้น ธปท.จะคำนึงถึงต้นทุนและความเสี่ยงของธุรกิจ รวมถึงไม่ผลักภาระไปให้ผู้บริโภค  เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว ธปท. จะดำเนินการตามกระบวนการออกประกาศธปท. ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 3 ธันวาคม 2568   




สรุปข่าว

ธปท.เปิดไทม์ไลน์กำกับธุรกิจลิสซิ่งกว่า 3,000 ราย เริ่มเปิดรายงานตัวตั้งแต่กันยายน 2568 ถึง มีนาคม 2569 และหลังพ.ร.ฎ. มีผลบังคับใช้ต้องกำหนดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตามเกณฑ์ธทป. แทน สคบ. หากไม่ปฎิบัติตามจะมีบทลงโทษ โดยจะเน้นกำกับผู้ประกอบการรายใหญ่ใกล้ชิด

นางสาวพีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยายนต์ ธปท.อาศัยอำนาจพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 และจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไปนั้น

ในระหว่างนี้ธปท.จะมีแผนดำเนินการงานโดยในเดือนกรกฎาคมนี้ ธปท.จะจัด Focus group กับสมาคมที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมเช่าซื้อฯ สมาคมลิสซิ่ง จากนั้นในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2568 จะเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศธปท.เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกำกับดูแล อาทิ อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ซึ่งจะมีการทบทวนใหม่ จากเดิมสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. จะเป็นผู้กำหนดซี่งจะมีการทบทวนทุก 3 ปี และปีนี้ก็ครบกำหนดต้องทบทวนพอดี โดยธปท.จะเป็นผู้พิจารณาแทนสคบ.  

โดยการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนั้น ธปท.จะคำนึงถึงต้นทุนและความเสี่ยงของธุรกิจ รวมถึงไม่ผลักภาระไปให้ผู้บริโภค  เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว ธปท. จะดำเนินการตามกระบวนการออกประกาศธปท. ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 3 ธันวาคม 2568   




ทั้งนี้ ธปท.จะเปิดให้ผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อและลิสซิ่งซึ่งจำนวนกว่า 3,000 ราย เริ่มมารายงานตัวกับธปท. ผ่านเว็บไซต์ ธปท. ตั้งแต่เดือนกันยายน 2568 ถึงไตรมาส 1 ปี 2569 หรือ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2569  โดยธปท.มั่นใจว่าระยะเวลา 6 เดือนจะเพียงพอให้ผู้ประกอบการมารายงานตัวได้ทันตามกำหนด แต่หากไม่มารายงานตัวเมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถทำธุรกิจต่อไปได้  แต่ธปท. จะทำหนังสือถึงผู้ประกอบการ พร้อมมีบทลงโทษ  

สำหรับแนวทางการกำกับธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยายนต์ที่มีกว่า  3,000 ราย มียอดธุรกรรมคงค้างสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 ของยอดหนี้ครัวเรือนนั้น  ธปท.จะกำกับดูแลในลักษณะ activity-based หรือกำกับขนาดและธุรกรรมของธุรกิจ


โดยธปท.จะเน้นกำกับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ หรือพอร์ตสินเชื่อรวมเกินกว่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไปอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีประมาณ 60 ราย  ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง หรือมีพอร์ตสินเชื่อรวมประมาณ 100-1,000 ล้านบาท มีประมาณ 150 ราย และผู้ประกอบการขนาดเล็กที่มีพอร์ตสินเชื่อรวมต่ำกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวนราว 3,000 ราย 

นางสาวพีรจิตระบุว่าภายใต้การกำกับดังกล่าวจะทำให้ผู้บริโภคได้รับบริการที่ีมีมาตรฐาน ราคาเหมาะสม และได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ด้านผู้ประกอบธุรกิจได้ยกระดับมาตรฐานการให้บริการ สร้างความเชื่อมั่นลูกค้า ขณะที่ธปท.สามารถดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินได้ดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่คาดว่าจะช่วยให้ปรับลดลงได้อีก 

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN

แท็กบทความ

ย่อโลกเศรษฐกิจธนาคารแห่งประเทศไทย
ธุรกิจเช่าซื้อ
ลิสซิ่ง
พอร์ตสินเชื่อ