บริษัทจีนแห่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ทำสถิติเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ เนื่องจากกฎระเบียบการจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนที่เข้มงวด ประกอบกับแนวโน้มการประเมินมูลค่าที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทจีนเหล่านี้ยอมแลกกับความไม่แน่นอนทางการค้าและการกำกับดูแลที่เข้มงวดของสหรัฐฯ
ข้อมูลจากบริษัทกฎหมาย “K&L เกตส์” ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีบริษัทจีนขนาดกลางและเล็ก 36 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ต่อเนื่องจากปี 2567 ที่ทำสถิติสูงสุด 64 แห่ง
บริษัทจีนหลายแห่งในจำนวนนี้จดทะเบียนในตลาดหุ้นผ่านบริษัทเฉพาะกิจเพื่อการเข้าซื้อกิจการ (special purpose acquisition companies-SPAC) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นสำหรับซื้อกิจการสตาร์ตอัปเป็นหลัก ทำให้บริษัทเหล่านี้กลายเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณะ (IPO) ที่มักใช้เวลายาวนาน
สรุปข่าว
บริษัทจีนแห่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ทำสถิติเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ เนื่องจากกฎระเบียบการจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนที่เข้มงวด ประกอบกับแนวโน้มการประเมินมูลค่าที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทจีนเหล่านี้ยอมแลกกับความไม่แน่นอนทางการค้าและการกำกับดูแลที่เข้มงวดของสหรัฐฯ
ข้อมูลจากบริษัทกฎหมาย “K&L เกตส์” ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีบริษัทจีนขนาดกลางและเล็ก 36 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ต่อเนื่องจากปี 2567 ที่ทำสถิติสูงสุด 64 แห่ง
บริษัทจีนหลายแห่งในจำนวนนี้จดทะเบียนในตลาดหุ้นผ่านบริษัทเฉพาะกิจเพื่อการเข้าซื้อกิจการ (special purpose acquisition companies-SPAC) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นสำหรับซื้อกิจการสตาร์ตอัปเป็นหลัก ทำให้บริษัทเหล่านี้กลายเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณะ (IPO) ที่มักใช้เวลายาวนาน
มีข้อมูลว่า ยังมีบริษัทจีนมากกว่า 40 แห่งที่กำลังรอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq) ซึ่งรวมถึงผู้ให้บริการโฆษณาบนมือถือและผู้ผลิตยาแผนจีน และหากนับรวมการยื่นจดทะเบียนที่เป็นความลับ ก็จะทำให้ยอดจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติใหม่หากดำเนินการได้ในปีนี้
บริษัทจีนประสบปัญหาการจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนในบ้าน เนื่องจากรัฐบาลเข้มงวดด้านกฎระเบียบมาตั้งแต่ปี 2566 ทำให้การจดทะเบียนผ่าน SPAC ในสหรัฐฯ น่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีแหล่งทุนขนาดใหญ่
หนึ่งในบริษัทเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ คือ “ซิงฮุ่ย คาร์ เทคโนโลยี” (Xinghui Car Technology) ผู้ผลิตรถแข่งของจีนที่ประกาศแผนนี้เมื่อเดือนมิถุนายน
ที่ผ่านมา มีบริษัทจีนมากกว่า 100 แห่ง รวมถึงผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่าง อาลีบาบา (Alibaba), JD.com และไป่ตู้ (Baidu) ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดย มีมูลค่าตลาดรวมกันประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อนับถึงเดือนมีนาคม
ในเดือนเมษายน “ชาจี” (Chagee) เครือข่ายร้านชาไข่มุกของจีนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก หลังจากระดมทุนได้ 411 ล้านดอลลาร์ ในการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งใหญ่สุดของบริษัทจีนในสหรัฐฯ ปีนี้
- ราคา"อะพาร์ตเมนต์"กรุงโซลพุ่งทำสถิติสูงสุด
- "อังกฤษ-อินเดีย"ตกลงการค้าเสรี คาดหนุน ศก.อังกฤษ 6.5 พันล้าน
- "อัครา"ชี้ไทยมีขุมทรัพย์"แร่ทอง"ใต้ดินเพียบ
- "ยุโรป"เล็งขึ้น"ค่าธรรมเนียม"เข้าเมือง 3 เท่า
- "มูดี้ส์ เรทติ้งส์"จับตาญี่ปุ่นหั่น"ภาษี"การบริโภค
- ‘ดีพร้อม’ เพิ่มศักยภาพ SME ไทย-ญี่ปุ่น
- G20 เตือนเศรษฐกิจโลกเสี่ยงจากภาษีสหรัฐฯ
ที่มาข้อมูล : บริษัทกฎหมาย “K&L เกตส์
ที่มารูปภาพ : TNN
