"พิชัย" ส่งสัญญาณขึ้น VAT เสริมรายได้รัฐ-ลดความเหลื่อมล้ำ

ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรราว 67 ล้านคน แต่ผู้ที่เข้าสู่ระบบภาษีจริงมีเพียง 10 ล้านคน หรือร้อยละ 15 ของประชากร และมีผู้เสียภาษีจริงจังเพียง 4 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 6 เท่านั้น ซึ่งระบบใหม่นี้จะช่วยสร้างฐานข้อมูลรายได้ประชาชนที่แม่นยำขึ้น 

สำหรับการช่วยเหลือภายใต้ Negative Income Tax จะเป็นแบบอัตราก้าวหน้า หากรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เช่น 60,000 บาทต่อปี (ราว 5,000 บาทต่อเดือน) จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ 

โดยคำนวณตามส่วนต่างของรายได้ที่ห่างจากเกณฑ์ความยากจน ยิ่งมีรายได้น้อย ยิ่งได้รับการสนับสนุนมาก และเมื่อรายได้เข้าใกล้หรือเกินเกณฑ์ การช่วยเหลือจะทยอยลดลง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนทำงานและเพิ่มรายได้ด้วยตนเอง

ซึ่งที่ผ่านมารัฐใช้งบประมาณช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในหลายรูปแบบ เช่น งบสนับสนุนเกษตรกรสูงสุดกว่า 60,000 ล้านบาทต่อปี ก่อนจะปรับลดเหลือราว 40,000 ล้านบาทต่อปี 

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างพิจารณา การปรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากร้อยละ 7 ซึ่งถูกตรึงมานานกว่า 20 ปี

โดยนายพิชัยชี้ว่า หลายประเทศในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย ปรับขึ้น VAT ไปที่ ร้อยละ 12 แล้ว การปรับ VAT จึงเป็นแนวทางสร้างรายได้รัฐอย่างยั่งยืน เพราะเป็นการเก็บจากผู้ที่บริโภคมาก ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง

ทั้งนี้ รัฐบาลย้ำว่า หากมีการปรับ VAT จริง จะมีมาตรการคุ้มครองผู้มีรายได้น้อยควบคู่กัน อาทิ สิทธิใช้น้ำ ไฟ และการเดินทางสาธารณะในราคาประหยัด หรือแม้แต่ใช้ฟรีในบางกรณี เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมและลดผลกระทบต่อประชาชนฐานราก