บริษัท Tesla ของอีลอน มัสก์ กำลังเผชิญแรงกดดันหนักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสหรัฐฯ หลังข้อมูลจากบริษัทวิจัย Cox Automotive ระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดของ Tesla ในเดือนสิงหาคมลดลงเหลือเพียงร้อยละ 38 ต่ำกว่าร้อยละ 40 เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ8 ปี นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่ Tesla เริ่มเร่งการผลิต Model 3 รถซีดานไฟฟ้ารุ่นแรกที่ทำตลาดวงกว้าง
การลดลงครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดจากค่ายรถยนต์คู่แข่ง ที่เร่งออกโปรโมชั่น ลดราคา และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ซื้อ เช่น การผ่อนแบบดอกเบี้ย 0% หรือแถมบริการชาร์จไฟฟ้าฟรี เพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนสิทธิ์ เครดิตภาษี EV มูลค่า 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้
สรุปข่าว
บริษัท Tesla ของอีลอน มัสก์ กำลังเผชิญแรงกดดันหนักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสหรัฐฯ หลังข้อมูลจากบริษัทวิจัย Cox Automotive ระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดของ Tesla ในเดือนสิงหาคมลดลงเหลือเพียงร้อยละ 38 ต่ำกว่าร้อยละ 40 เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ8 ปี นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่ Tesla เริ่มเร่งการผลิต Model 3 รถซีดานไฟฟ้ารุ่นแรกที่ทำตลาดวงกว้าง
การลดลงครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดจากค่ายรถยนต์คู่แข่ง ที่เร่งออกโปรโมชั่น ลดราคา และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ซื้อ เช่น การผ่อนแบบดอกเบี้ย 0% หรือแถมบริการชาร์จไฟฟ้าฟรี เพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนสิทธิ์ เครดิตภาษี EV มูลค่า 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้
แม้ Tesla มียอดขายในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 และ ร้อยละ 3.1 ตามลำดับ แต่ก็ยังเติบโตช้ากว่าตลาดรวมที่ขยายตัวถึงร้อยละ 14 ทำให้ส่วนแบ่งตลาดถูกกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลในเดือนกรกฎาคมชี้ว่า Tesla มีส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 42 ลดลงจากร้อยละ 48.7 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการร่วงแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021
สาเหตุสำคัญมาจากการที่ Tesla ขาดการเปิดตัวรถรุ่นใหม่มานาน รุ่นล่าสุดคือ Cybertruck ที่เปิดตัวในปี 2023 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับ Model 3 และ Model Y รถยอดนิยมก่อนหน้านี้ แม้ Model Y จะมีการปรับโฉม แต่ก็ไม่สามารถสร้างแรงดึงดูดได้เพียงพอ จนทำให้ Tesla กำลังเข้าสู่ปีที่สองติดต่อกันของยอดขายที่หดตัว
นักวิเคราะห์ชี้ว่า Tesla กำลังเผชิญทางเลือกที่ยากลำบาก ระหว่างการ ลดราคาหนักเพื่อพยุงยอดขาย ซึ่งบั่นทอนกำไร หรือรักษาระดับราคาและยอมสูญเสียส่วนแบ่งตลาดไป ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ดั้งเดิมอย่าง Hyundai, Honda, Kia และ Toyota สามารถเพิ่มยอดขายรถไฟฟ้าได้ระหว่าง 60 ถึง 120% ในเดือนกรกฎาคมด้วยแรงจูงใจที่มากกว่า Tesla
ขณะเดียวกัน ปัจจัยด้านภาพลักษณ์ก็ส่งผลต่อ Tesla ด้วยเช่นกัน การมีส่วนร่วมทางการเมืองฝั่งขวาของอีลอน มัสก์ และความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกมองว่าทำให้แบรนด์เสียความนิยมในหมู่ผู้บริโภคบางกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม Tesla ยังคงพยายามสร้างอนาคตใหม่ด้วยการลงทุนใน หุ่นยนต์และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (robotaxis) โดยบอร์ดบริหารเสนอแพ็กเกจค่าตอบแทนให้มัสก์มูลค่ามหาศาลถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ผูกกับเป้าหมายการดันมูลค่าตลาดของ Tesla ให้แตะ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า
แต่ในระยะสั้น ความท้าทายของ Tesla ยังคงอยู่ที่ธุรกิจหลักด้านยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่สุด หากไม่สามารถสร้างโมเดลใหม่ที่ดึงดูดผู้บริโภคได้ Tesla อาจต้องยอมเห็นส่วนแบ่งตลาดร่วงต่อเนื่อง และสูญเสียความเป็นผู้นำในตลาดรถไฟฟ้าที่ตัวเองเคยครองมาอย่างยาวนาน
- ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะฯ เตรียมอัปศูนย์ราชการอัจฉริยะด้วย Smart Facility Management จาก Metthier
- จีนอาจแบนมือจับประตูรถแบบซ่อนปี 2027 นี้ หลังพบว่าทำให้เสี่ยงภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น
- LINE MAN Wongnai หนุน รัฐบาลอนุทิน ฟื้น "คนละครึ่ง"
- "อีลอน มัสก์" คว้า 1 ล้านล้านดอลล์ เทสลาย้ายฐานการเงิน
- "Armani" มือสองพุ่งทั่วโลกหลังสิ้นตำนาน Giorgio Armani
ที่มารูปภาพ : -
