PwC รายงานถึงผลสำรวจเสียงของผู้บริโภค ประจำปี 2568 ฉบับภาพรวมประเทศไทย พบว่า ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้ออาหารที่สอดคล้องกับทัศนคติด้านสุขภาพ ความสะดวกสบายและความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะต้องเผชิญกับปัญหาราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นและข้อจำกัดด้านค่าครองชีพ โดยจากผลสำรวจพบว่าร้อยละ 57 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นมีผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของตน
ยังพบว่า ผู้บริโภคในประเทศไทย ส่วนใหญ่แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพจากอาหาร โดย ร้อยละ 66 กังวลเรื่องยาฆ่าแมลงในอาหาร ร้อยละ 55 กังวลเกี่ยวกับวัตถุเจือปนอาหารหรือสารกันบูด และร้อยละ 51 กังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดจากอาหารแปรรูปขั้นสูง
คนไทย มองว่า ตัวเองนั้นมีบทบาทหลักในการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงยัง คาดหวังให้ผู้ผลิตและบริษัทอาหารเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน โดยประโยชน์ด้านสุขภาพเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแบรนด์สินค้าอาหาร แม้ว่าราคาเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่คนไทยจะตัดสินใจซื้อของในเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ไม่ได้มีแค่เรื่องราคาเท่านั้น หลายคนก็ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพของอาหารด้วยเหมือนกัน ตรงนี้ทำให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยจึงเลือกใช้จ่ายอย่างรอบคอบมากขึ้น คิดถึงความคุ้มค่า ดูความปลอดภัย และเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพเป็นหลัก
ในยุคเทคโนโลยี พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยมีการสั่งซื้ออาหารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดย กว่า 1 ใน 4 ของผู้บริโภคสั่งซื้ออาหารหรือของชำผ่านออนไลน์ทุกสัปดาห์ ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ร้อยละ 15
การใช้เทคโนโลยีของคนไทยในด้านอาหารของไทย เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น
ผลสำรวจของ PwC พบว่า เทคโนโลยีด้านสุขภาพส่วนบุคคลได้เปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินอาหารและกิจวัตรของผู้บริโภคไทย โดยร้อยละ 79 ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกใช้แอปพลิเคชันหรืออุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพอย่างน้อยหนึ่งประเภท และโดยเฉลี่ยแต่ละคนมีอุปกรณ์ประมาณสามเครื่อง นอกจากนี้ ผู้บริโภคมากถึงร้อยละ 98 ระบุว่าเทคโนโลยีนี้ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของตนเอง
ส่วนในเรื่องการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (generative AI: GenAI) ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง หรือร้อยละ 53 รู้สึกสบายใจที่จะนำมาใช้สำหรับวางแผนโภชนาการและลดน้ำหนัก ขณะที่ ร้อยละ 47 ใช้ GenAI สำหรับวางแผนและแนะนำเมนูอาหาร ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในการวางแผนสุขภาพคนไทยมากขึ้น
สรุปข่าว
PwC รายงานถึงผลสำรวจเสียงของผู้บริโภค ประจำปี 2568 ฉบับภาพรวมประเทศไทย พบว่า ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้ออาหารที่สอดคล้องกับทัศนคติด้านสุขภาพ ความสะดวกสบายและความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะต้องเผชิญกับปัญหาราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นและข้อจำกัดด้านค่าครองชีพ โดยจากผลสำรวจพบว่าร้อยละ 57 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นมีผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของตน
ยังพบว่า ผู้บริโภคในประเทศไทย ส่วนใหญ่แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพจากอาหาร โดย ร้อยละ 66 กังวลเรื่องยาฆ่าแมลงในอาหาร ร้อยละ 55 กังวลเกี่ยวกับวัตถุเจือปนอาหารหรือสารกันบูด และร้อยละ 51 กังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดจากอาหารแปรรูปขั้นสูง
คนไทย มองว่า ตัวเองนั้นมีบทบาทหลักในการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงยัง คาดหวังให้ผู้ผลิตและบริษัทอาหารเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน โดยประโยชน์ด้านสุขภาพเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแบรนด์สินค้าอาหาร แม้ว่าราคาเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่คนไทยจะตัดสินใจซื้อของในเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ไม่ได้มีแค่เรื่องราคาเท่านั้น หลายคนก็ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพของอาหารด้วยเหมือนกัน ตรงนี้ทำให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยจึงเลือกใช้จ่ายอย่างรอบคอบมากขึ้น คิดถึงความคุ้มค่า ดูความปลอดภัย และเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพเป็นหลัก
ในยุคเทคโนโลยี พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยมีการสั่งซื้ออาหารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดย กว่า 1 ใน 4 ของผู้บริโภคสั่งซื้ออาหารหรือของชำผ่านออนไลน์ทุกสัปดาห์ ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ร้อยละ 15
การใช้เทคโนโลยีของคนไทยในด้านอาหารของไทย เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น
ผลสำรวจของ PwC พบว่า เทคโนโลยีด้านสุขภาพส่วนบุคคลได้เปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินอาหารและกิจวัตรของผู้บริโภคไทย โดยร้อยละ 79 ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกใช้แอปพลิเคชันหรืออุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพอย่างน้อยหนึ่งประเภท และโดยเฉลี่ยแต่ละคนมีอุปกรณ์ประมาณสามเครื่อง นอกจากนี้ ผู้บริโภคมากถึงร้อยละ 98 ระบุว่าเทคโนโลยีนี้ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของตนเอง
ส่วนในเรื่องการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (generative AI: GenAI) ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง หรือร้อยละ 53 รู้สึกสบายใจที่จะนำมาใช้สำหรับวางแผนโภชนาการและลดน้ำหนัก ขณะที่ ร้อยละ 47 ใช้ GenAI สำหรับวางแผนและแนะนำเมนูอาหาร ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในการวางแผนสุขภาพคนไทยมากขึ้น
PwC มีข้อแนะนำไปยังผู้ประกอบการว่า ต้องเร่งปรับตัวเพื่อคว้าโอกาสจากมูลค่าที่เกิดจากการทำงานข้ามอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาที่เหมาะสมและมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงความสะดวกสบาย นอกจากนี้ควรพัฒนากลยุทธ์การแข่งขันที่สมดุลระหว่างต้นทุนกับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเน้นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้
จากรายงานวิจัย 'Value in motion' โดย PwC คาดการณ์ว่า ระบบอาหารโลกจะได้รับการปฏิรูปครั้งสำคัญในช่วงทศวรรษหน้า โดยจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โดเมนที่เรียกว่า 'how we feed' ซึ่งมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ PwC ประเมินว่าโดเมนดังกล่าวอาจสร้างมูลค่าเพิ่มรวม (gross value added: GVA) สูงถึง 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2578
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารจึงควรพิจารณาการปรับโครงสร้างองค์กร ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรม และขยายความร่วมมือกับผู้ให้บริการที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์และบริการไปยังหลากหลายภาคส่วน เช่น การดูแลสุขภาพ บริการทางการเงิน แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มการซื้อขายพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ รวมถึงโซลูชันเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลของผู้บริโภค
พาไปดูเทรนด์เกี่ยวกับอาหารกันบ้าง ช่วงนี้เหลืออีกไม่กี่เดือนจะหมดปี 2568 เริ่มมีการประเมินถึงเทรนด์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2569
ล่าสุด Brainz Magazine ของประเทศสวีเดน รายงานเกี่ยวกับ เทรนด์อาหารปีหน้า และพฤติกรรมการบริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงของกลุ่ม Gen Z และ Millennials
ในรายงาน ระบุว่า ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z และ Millennials จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงวิถีการกิน มี 8 เทรนด์สำคัญคือ
1.อาหารเพื่อสุขภาพ (Functional Foods) กลายเป็นของจำเป็นสำหรับสายรักสุขภาพในยุคใหม่ อาหารไม่ได้แค่ให้พลังงาน แต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ต้องช่วยดูแลสุขภาพ และตอบโจทย์อารมณ์ไปพร้อมกัน และมีรสชาติอร่อยน่ารับประทาน เช่น โปรไบโอติก และกาแฟผสมอัชวากันธา (ashwagandha: โสมอินเดีย) ซึ่งเป็นสมุนไพรที่เชื่อว่าช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับความเครียด ส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
สำหรับ Gen Z และ Millennials “อาหารเพื่อสุขภาพ” ต้องทำงานได้สองอย่างในหนึ่งเดียว เช่น สาหร่ายที่เพิ่มไอโอดีน หรือผักเหลือใช้ที่ถูกนำไปแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยว หรือกาแฟฟังก์ชันนัลที่ใส่เห็ด lion’s mane เพื่อช่วยเพิ่มพลังและโฟกัส บาร์ช็อกโกแลตที่มีโปรไบโอติกช่วยดูแลลำไส้ เยลลี่เสริมสมอง (nootropic) หรือครีเอเทนในกาแฟ
2.นวัตกรรมโปรตีนใหม่ ที่จะไม่จำกัดเฉพาะในกลุ่มนักกีฬา หรือผู้ออกกำลังกาย แต่สำหรับทุกคนที่ต้องการพลังงาน และเพื่อสุขภาพที่ดี และเป็นโปรตีนที่เข้าถึงง่าย มีการพัฒนาในรูปโปรตีนใหม่ที่หลากหลาย เช่น โปรตีนจากแมลง หรือโปรตีนเพาะเลี้ยง
3.รสชาติ Swicy (หวาน + เผ็ด) รสชาติผสมหวานและเผ็ด ให้ความรู้สึกตื่นเต้น กระตุ้นสมอง ซึ่งเป็นที่นิยมและกำลังมาแรงแบบไวรัล โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบอาหารที่มีความตื่นเต้นทางรสชาติ โดยกลุ่ม Gen Z กับวัฒนธรรม กินแล้วต้องถ่ายรูปลง IG Tiktok ซึ่งจากรายงานของบริษัท Datassential พบว่า ปัจจุบัน เมนูในร้านอาหารสหรัฐฯ ราวร้อยละ 10 มีอาหารสไตล์รสชาติ Swicy เพิ่มมากขึ้น เกือบร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
4.อาหารแช่แข็งระดับพรีเมียม คุณภาพสูง มีรสชาติเสมือนร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ทำได้ง่าย สะดวกและรวดเร็วสำหรับการรับประทานที่บ้าน โดยกลุ่ม Gen Z เป็นกลุ่มที่ช่วยผลักดันให้ อาหารอินเตอร์กลายเป็นของธรรมดาในชีวิตประจำวัน จากราเม็งมิโซะ ถึงทิกก้ามาซาล่า พิซซ่าฟิวชันด้วยแป้ง naan หน้า bulgogi ขอบโรยด้วย za’atar หรือซอสเกาหลี gochujang, harissa และ za’atar เริ่มปรากฎอยูในอาหารชุด meal kit
5.การกินอย่างยั่งยืน (Sustainable Eating) คำว่า “ความยั่งยืน” กลายเป็นเทรนด์หลักของผู้บริโภคที่สนใจอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จากผลการศึกษาของ McKinsey-NielsenIQ พบว่า สินค้าที่มีการอ้างอิงถึงแนวทาง ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 ในช่วงปี 2560–2565
6.นวัตกรรมย้อนยุค (Retro-innovation) เทรนด์อาหารสไตล์เมนูโบราณที่ปรับปรุงใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย ต้องได้ทั้งรสชาติ ความอร่อย และมีประโยชน์ โดยเป็นการหยิบอดีตมาเล่าใหม่ แต่ไม่ละทิ้งความรู้สึกอบอุ่นและความทรงจำดีๆ ที่คนมีต่ออาหาร แต่เพิ่มมิติของนวัตกรรมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการปรับสูตรให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น การลดปริมาณน้ำตาล ลดไขมัน การใช้วัตถุดิบออร์แกนิก หรือเพิ่มส่วนผสมที่มีคุณสมบัติทางสุขภาพ
7.เทรนด์การทำอาหารเหมือนมีเชฟที่บ้าน ด้วยเมนูสะดวก รวดเร็ว และมีคุณภาพ การทำอาหารที่บ้านกลายเป็นศูนย์กลางสุขภาพ และเป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับผู้บริโภค
8.การใช้จ่ายแบบคุ้มค่า ผู้บริโภครุ่นใหม่เน้นความคุ้มค่าแบบชาญฉลาด คือการใช้งบประมาณไม่มาก แต่ได้ความรู้สึกหรูหรา ด้วยอาหารราคาย่อมเยา แต่ดูดีและไม่ลดทอนคุณภาพ
- พาราไดซ์ พาร์ค มุ่งยกระดับประสบการณ์ใหม่ สู่การเป็น Health & Wellness Destination
- รพ.นวเวช ก้าวสู่ปีที่ 5 เดินหน้ายุทธศาสตร์ “สุขภาพดีเพราะมีหมอเป็นเพื่อนบ้าน”
- "ผักหวาน" ผักพื้นบ้าน ที่อุดมไปด้วยประโยชน์
- "สมศักดิ์” คิกออฟ ท่องเที่ยวสุขภาพดีล้านนา หวังยกระดับเศรษฐกิจด้านสุขภาพ
- "วุฒิสาร" หนุนชุมชน-ท้องถิ่น จัดการระบบสุขภาพของตัวเอง ชี้ตอบสนองความต้องการชาวบ้านได้ตรงจุด
ที่มาข้อมูล : PwC Brainz Magazine
ที่มารูปภาพ : canva
