“อังกฤษ” กู้เกินเป้า 7.2 พันล้านปอนด์ ขาดดุลพุ่ง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษกู้ยืมเงินมากกว่าที่คาดไว้ 7.2 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 9.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ สะท้อนความท้าทายที่ ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังต้องเผชิญในการฟื้นเสถียรภาพทางการคลัง ก่อนจะเปิดแผนงบประมาณใหม่ในวันที่ 26 พฤศจิกายน

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่าขาดดุลงบประมาณรวมแตะ 9.98 หมื่นล้านปอนด์ สูงกว่าประมาณการเดิมของสำนักงานความรับผิดชอบทางงบประมาณ (OBR) ที่คาดไว้ 9.26 หมื่นล้านปอนด์เมื่อเดือนมีนาคม โดยเฉพาะเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียว รัฐบาลกู้เพิ่ม 2.02 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดสำหรับเดือนกันยายน นับตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 และเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ โดยสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยหนี้ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ สถาบันวิจัยการคลัง (IFS) เตือนว่าการขาดดุลเกินคาดอาจกระทบต่อการคาดการณ์ระยะยาวของ OBR โดย นิค ริดแพธ นักเศรษฐศาสตร์ของ IFS ระบุว่า “แม้อัตราเงินเฟ้อที่สูงมักจะช่วยเพิ่มรายได้ภาษี แต่ในกรณีนี้ผลเชิงบวกต่อการคลังยังไม่เกิดขึ้น” พร้อมเสริมว่า “หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อ และเศรษฐกิจเติบโตต่ำกว่าคาด อาจทำให้โจทย์ทางการคลังของรัฐมนตรีคลังในเดือนพฤศจิกายนซับซ้อนขึ้น”


สรุปข่าว

“อังกฤษ” กู้เกินเป้า 7.2 พันล้านปอนด์ ขาดดุลพุ่งแตะ 9.98 หมื่นล้านปอนด์ นักเศรษฐศาสตร์เตือนฐานะการคลังเปราะบาง อาจบีบให้รัฐมนตรีคลังประกาศขึ้นภาษีชุดใหม่

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษกู้ยืมเงินมากกว่าที่คาดไว้ 7.2 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 9.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ สะท้อนความท้าทายที่ ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังต้องเผชิญในการฟื้นเสถียรภาพทางการคลัง ก่อนจะเปิดแผนงบประมาณใหม่ในวันที่ 26 พฤศจิกายน

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่าขาดดุลงบประมาณรวมแตะ 9.98 หมื่นล้านปอนด์ สูงกว่าประมาณการเดิมของสำนักงานความรับผิดชอบทางงบประมาณ (OBR) ที่คาดไว้ 9.26 หมื่นล้านปอนด์เมื่อเดือนมีนาคม โดยเฉพาะเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียว รัฐบาลกู้เพิ่ม 2.02 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดสำหรับเดือนกันยายน นับตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 และเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ โดยสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยหนี้ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ สถาบันวิจัยการคลัง (IFS) เตือนว่าการขาดดุลเกินคาดอาจกระทบต่อการคาดการณ์ระยะยาวของ OBR โดย นิค ริดแพธ นักเศรษฐศาสตร์ของ IFS ระบุว่า “แม้อัตราเงินเฟ้อที่สูงมักจะช่วยเพิ่มรายได้ภาษี แต่ในกรณีนี้ผลเชิงบวกต่อการคลังยังไม่เกิดขึ้น” พร้อมเสริมว่า “หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อ และเศรษฐกิจเติบโตต่ำกว่าคาด อาจทำให้โจทย์ทางการคลังของรัฐมนตรีคลังในเดือนพฤศจิกายนซับซ้อนขึ้น”


ทั้งนี้แม้จะมีการปรับแก้ข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ก่อนหน้านี้ซึ่งช่วยให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่ม 2 พันล้านปอนด์ แต่การกู้ยืมก็ยังสูงกว่าทั้งเป้าหมายและระดับปีก่อนหน้า โดย ONS ระบุว่าการปรับแก้ข้อมูลนี้เกิดจากข้อผิดพลาดของข้อมูล VAT ที่ส่งโดยกรมสรรพากร (HMRC) ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมดีขึ้น 4.2 พันล้านปอนด์

สำหรับเดือนกันยายน ยอดกู้ 2.02 หมื่นล้านปอนด์ใกล้เคียงกับประมาณการของ OBR ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กสำรวจคาดไว้เฉลี่ย 2.08 หมื่นล้านปอนด์


สาเหตุหลักของการขาดดุลที่พุ่งขึ้น มาจาก ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยหนี้เพิ่มขึ้นถึง 66% เป็น 9.7 พันล้านปอนด์ จากอัตราดัชนีราคาสินค้าค้าปลีก (RPI) ที่พุ่งขึ้นในเดือนกรกฎาคม ทำให้ต้นทุนการชำระหนี้พันธบัตรที่ผูกกับเงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของหนี้รัฐบาลทั้งหมด ถือเป็น ภาระดอกเบี้ยเดือนกันยายนสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ นับตั้งแต่ต้นปี รัฐบาลจ่ายดอกเบี้ยหนี้รวมแล้ว 5.95 หมื่นล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 1.44 หมื่นล้านปอนด์ จากช่วงเดียวกันของปี 2567 ขณะที่เงินเฟ้อยังดันค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการ, ค่าจ้างภาครัฐ, และ การจัดซื้อสินค้าและบริการของรัฐบาล เพิ่มขึ้นด้วย

ด้านรายได้ภาษีของรัฐบาลก็ต่ำกว่าเป้า 1.3 พันล้านปอนด์ ในช่วงครึ่งปีแรก และการกู้ยืมของ องค์กรปกครองท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจ ก็สูงกว่าที่คาดไว้เช่นกัน

ที่มาข้อมูล : สำนักข่าวบลูมเบิร์ก

ที่มารูปภาพ : TNN