นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ว่า ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยด้านอุปทานชะลอลงจากการผลิต ภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงจากการหยุดผลิตชั่วคราวในบางสินค้า ส่งผลให้กิจกรรมในภาคบริการที่เกี่ยวข้องปรับลดลง
ส่วนด้านอุปสงค์ชะลอลงตามอุปสงค์ในประเทศโดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนติดลบร้อยละ 1.0 ประกอบกับรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงร้อยละ 0.5 ขณะที่การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 จากหมวดอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบร้อยละ 0.11 จากหมวดอาหารสดและหมวดพลังงาน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวกร้อยละ 0.08
สรุปข่าว
นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ว่า ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยด้านอุปทานชะลอลงจากการผลิต ภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงจากการหยุดผลิตชั่วคราวในบางสินค้า ส่งผลให้กิจกรรมในภาคบริการที่เกี่ยวข้องปรับลดลง
ส่วนด้านอุปสงค์ชะลอลงตามอุปสงค์ในประเทศโดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนติดลบร้อยละ 1.0 ประกอบกับรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงร้อยละ 0.5 ขณะที่การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 จากหมวดอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบร้อยละ 0.11 จากหมวดอาหารสดและหมวดพลังงาน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวกร้อยละ 0.08
สำหรับแนวโน้มในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ธปท.มองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หยุดผลิตชั่วคราวทยอยกลับมาเปิด และส่งผลดีต่อภาคบริการที่เกี่ยวข้อง ด้านการส่งออกสินค้าโดยเฉพาะในหมวดอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ดี ในการประมาณการเศรษฐกิจทั้งปี 2568 ที่ร้อยละ 2.2 ได้รวมผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐไว้ด้วยแล้ว แต่หากมาตรการภาครัฐกระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าที่ธปท.ประเมินไว้ ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในไตรมาส 4 และภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปีนี้อาจดีกว่าที่ประมาณการไว้
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท.ระบุว่าในระยะต่อไปต้องติดตาม 4 ปัจจัยสำคัญได้แก่ การฟื้นตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม // ผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ // พัฒนาการในภาคการท่องเที่ยว //และ ผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
