สมาคมด้านการเดินทางและท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ที่ประกอบด้วยองค์กร 500 แห่ง รวมถึงเครือโรงแรมฮิลตัน และ MGM รีสอร์ตส์ ได้ยื่นจดหมายร้องเรียนไปยังสภาคองเกรส เพื่อให้ยุติภาวะชัตดาวน์ หรือการปิดบริการของรัฐบาลกลาง ซึ่งยืดเยื้อมานาน 34 วันแล้ว และจะส่งผลกระทบอย่างหนักในช่วงเทศกาลหยุดยาววันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving Day ช่วงปลายเดือนนี้
การชัตดาวน์ที่ยาวนานส่งผลให้สายการบินเผชิญปัญหาเที่ยวบินล่าช้าอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อสนามบินต่าง ๆ และผู้โดยสาร 3.2 ล้านคน เนื่องจากเจ้าหน้าที่จำนวนมากต้องหยุดงานหรือทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเป็นการชั่วคราว
สรุปข่าว
สมาคมด้านการเดินทางและท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ที่ประกอบด้วยองค์กร 500 แห่ง รวมถึงเครือโรงแรมฮิลตัน และ MGM รีสอร์ตส์ ได้ยื่นจดหมายร้องเรียนไปยังสภาคองเกรส เพื่อให้ยุติภาวะชัตดาวน์ หรือการปิดบริการของรัฐบาลกลาง ซึ่งยืดเยื้อมานาน 34 วันแล้ว และจะส่งผลกระทบอย่างหนักในช่วงเทศกาลหยุดยาววันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving Day ช่วงปลายเดือนนี้
การชัตดาวน์ที่ยาวนานส่งผลให้สายการบินเผชิญปัญหาเที่ยวบินล่าช้าอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อสนามบินต่าง ๆ และผู้โดยสาร 3.2 ล้านคน เนื่องจากเจ้าหน้าที่จำนวนมากต้องหยุดงานหรือทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ ประเมินว่า การชัตดาวน์จะทำให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ 13,000 คน และเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย 50,000 คน ต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และทำให้เที่ยวบินหลายหมื่นเที่ยวต้องหยุดชะงัก
สำนักงานบริหารการบินแห่งสหรัฐฯ (FAA) ระบุว่า มีความล่าช้าที่เกี่ยวข้องกับภาคพื้นดินในสนามบินดัลลัสและออสตินเนื่องจากการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ ส่งผลให้เที่ยวบินในวันจันทร์เกือบ 2,900 เที่ยวต้องล่าช้ากว่ากำหนด
สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรส (Congressional Budget Office-CBO) ประเมินว่า ภาวะชัตดาวน์จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เสียหายราว 7 พันล้านดอลลาร์ ถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
“เจฟฟ์ ฟรีแมน” ประธานและ CEO ของสมาคมการเดินทาง-ท่องเที่ยวสหรัฐฯ ระบุว่า ความปลอดภัยเป็นความสำคัญอันดับแรกของการเดินทางทางอากาศ และแม้จะรักษาความปลอดภัยได้ แต่นักเดินทางก็ต้องจ่ายเพิ่มในสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับความล่าช้า การยกเลิกเที่ยวบิน และสูญเสียความเชื่อมั่นในการเดินทาง
