สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า องค์กรสิทธิมนุษยชน International Rights Advocates (IRAdvocates) ในสหรัฐอเมริกา ยื่นฟ้องแอปเปิล ต่อศาลสูงประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวหาว่าบริษัทยังคงใช้แร่สำคัญที่เชื่อมโยงกับความขัดแย้งและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและรวันดา ทั้งที่บริษัทเคยยืนยันหลายครั้งว่าหยุดแหล่งวัตถุดิบจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว
คำฟ้องระบุว่า ห่วงโซ่อุปทานของแอปเปิลยังมีการใช้โคบอลต์ ดีบุก แทนทาลัม และทังสเตน ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และกลุ่มติดอาวุธในคองโกและรวันดา ซึ่งเป็นแร่สำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ตโฟน แบตเตอรี่ และคอมพิวเตอร์ ขณะที่คองโกถูกประเมินว่าเป็นแหล่งโคบอลต์ราวร้อยละ 70 ของโลก และยังผลิตดีบุก แทนทาลัม และทังสเตนในปริมาณสูงอีกด้วย
สรุปข่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า องค์กรสิทธิมนุษยชน International Rights Advocates (IRAdvocates) ในสหรัฐอเมริกา ยื่นฟ้องแอปเปิล ต่อศาลสูงประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวหาว่าบริษัทยังคงใช้แร่สำคัญที่เชื่อมโยงกับความขัดแย้งและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและรวันดา ทั้งที่บริษัทเคยยืนยันหลายครั้งว่าหยุดแหล่งวัตถุดิบจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว
คำฟ้องระบุว่า ห่วงโซ่อุปทานของแอปเปิลยังมีการใช้โคบอลต์ ดีบุก แทนทาลัม และทังสเตน ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และกลุ่มติดอาวุธในคองโกและรวันดา ซึ่งเป็นแร่สำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ตโฟน แบตเตอรี่ และคอมพิวเตอร์ ขณะที่คองโกถูกประเมินว่าเป็นแหล่งโคบอลต์ราวร้อยละ 70 ของโลก และยังผลิตดีบุก แทนทาลัม และทังสเตนในปริมาณสูงอีกด้วย
คดีใหม่นี้ต่อยอดจากความพยายามก่อนหน้า เมื่อ IRAdvocates เคยยื่นฟ้องแอปเปิล เทสลา และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ ต่อศาลสหรัฐฯ ในประเด็นซัพพลายเชนโคบอลต์ แต่ถูกศาลสหรัฐฯ ยกฟ้องไปเมื่อปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสเพิ่งยุติการสอบสวนคดีแร่ขัดแย้งที่คองโกยื่นฟ้องบริษัทในเครือแอปเปิลในเดือนธันวาคม โดยให้เหตุผลว่าหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ยังมีกระบวนการสอบสวนที่เกี่ยวข้องในเบลเยียมดำเนินต่อไป
แม้แอปเปิลจะเคยชี้แจงต่อฝั่งคองโกว่าบริษัทสั่งให้ซัพพลายเออร์หยุดรับวัตถุดิบจากคองโกและรวันดา เพื่อตัดความเสี่ยงจากแหล่งแร่ในพื้นที่ขัดแย้ง แต่คำฟ้องล่าสุดชี้ว่า ซัพพลายเชนของแอปเปิลยังเชื่อมโยงกับโรงถลุงแร่ของจีนอย่างน้อย 3 แห่ง ซึ่งถูกสืบสวนโดยหน่วยงานสหประชาชาติและองค์กร Global Witness ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคอลแทนที่ถูกลักลอบลำเลียงผ่านรวันดาหลังกลุ่มติดอาวุธเข้าควบคุมเหมืองในคองโกทางตะวันออก
ทางกฎหมาย IRAdvocates ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าแอปเปิลละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคจากการสื่อสารทางการตลาดที่ถูกมองว่าชวนให้เข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับความสะอาดของซัพพลายเชน แสวงหาคำสั่งศาลให้ยุติการโฆษณาหรือการนำเสนอข้อมูลที่อาจถือเป็นการหลอกลวง พร้อมทั้งให้ชดเชยค่าดำเนินคดี แต่ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายทางการเงินหรือให้เป็นคดีแบบกลุ่ม (class action) ซึ่งสะท้อนว่าคดีนี้มุ่งเน้นผลทางหลักการและภาพลักษณ์มากกว่าผลประโยชน์เชิงตัวเงินโดยตรง
ฝั่งแอปเปิลยืนยันมาโดยตลอดว่าบริษัทมีนโยบายไม่รับแร่จากพื้นที่ขัดแย้งและไม่ยอมรับการใช้แรงงานบังคับ พร้อมอ้างการตรวจสอบซัพพลายเออร์หลายชั้น และระบุเมื่อปลายปีที่ผ่านมาว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อว่าผู้ถลุงและผู้กลั่นแร่ในห่วงโซ่อุปทานของตนเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในคองโกหรือประเทศใกล้เคียง
นอกจากนี้ แอปเปิลยังระบุว่ากว่าร้อยละ 76 ของโคบอลต์ในอุปกรณ์ของบริษัทในปี 2024 มาจากวัสดุรีไซเคิล แต่อีกฝ่ายมองว่าวิธีการบัญชีอาจเปิดช่องให้มีการผสมแร่จากพื้นที่ขัดแย้งเข้ามาโดยไม่ถูกตรวจพบอย่างโปร่งใส
