ผู้ว่ากฟผ.อัดงบ2.2หมื่นล.พัฒนาโรงไฟฟ้า

Share on Line Share on Facebook Share on X

นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  (กฟผ.) เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายการทำงานภายหลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 17 ว่า กฟผ. ได้วางงบลงทุนปี 2569 ประมาณ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้า 183 ล้านบาท การก่อสร้างและปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้า  13,000 ล้านบาท และแผนระยะยาว เช่น การปรับปรุงรักษาเสถียรภาพโรงไฟฟ้า ปรับปรุงระบบสายไฟฟ้าแรงสูงพื้นที่ภาคใต้ประมาณ  9,200 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ได้เดินหน้านโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพลังงานในการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) ทั้ง 3 เขื่อนของ กฟผ. ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี กำลังผลิตรวม 1,638 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2570

พร้อมเร่งพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นระบบไฟฟ้า  รับการขยายตัวของอุตสาหกรรมดิจิทัล หีือ ดาต้า เซ็นเตอร์ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)


สรุปข่าว

ผู้ว่า กฟผ.คนใหม่ ลุยอัดงบปี 69 กว่า 22,000 ล้านบาท รุกพัฒนาโรงไฟฟ้า-ระบบสายส่ง เดินหน้าพลังงานสะอาด โซลาร์ลอยน้ำ รับดีมานด์ใช้ไฟ ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์

นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  (กฟผ.) เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายการทำงานภายหลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 17 ว่า กฟผ. ได้วางงบลงทุนปี 2569 ประมาณ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้า 183 ล้านบาท การก่อสร้างและปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้า  13,000 ล้านบาท และแผนระยะยาว เช่น การปรับปรุงรักษาเสถียรภาพโรงไฟฟ้า ปรับปรุงระบบสายไฟฟ้าแรงสูงพื้นที่ภาคใต้ประมาณ  9,200 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ได้เดินหน้านโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพลังงานในการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) ทั้ง 3 เขื่อนของ กฟผ. ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี กำลังผลิตรวม 1,638 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2570

พร้อมเร่งพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นระบบไฟฟ้า  รับการขยายตัวของอุตสาหกรรมดิจิทัล หีือ ดาต้า เซ็นเตอร์ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)


สำหรับดูแลค่าไฟของประชาชนนั้น ปัจจุบันกฟผ. ดำเนินการหลัก  คือการบริหารเรื่องเชื้อเพลิงที่พยายามจะหาแหล่งต้นทุนที่ต่ำที่สุด ขณะที่ภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. ที่แบกรับไว้ปัจจุบันอยู่ที่ 40,000 กว่าล้านบาท จากเดิมที่เคยรับภาระกว่าแสนล้านบาท 

ต้องยอมรับว่ามีดอกเบี้ยที่สูง แต่ กฟผ. ก็ต้องดูแลค่าไฟให้กับประชาชนให้ถูกที่สุด ซึ่งต้องจัดการให้เกิดความสมดุลกันระหว่างสองทาง 


ซึ่งคาดว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันจะได้รับเงินที่ค้างอยู่ภายในปี 2570 แต่ก็ต้องติดตามความตรึงเครียดด้านปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างต่อเนื่อง หากแนวโน้มลดลงก็จะส่งผลให้ราคา LNG ลดลงได้ ซึ่งคาดว่าช่วงปีหน้าราคาจะอยู่ที่ระดับ 10-12 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู 

ส่วนเรื่องน้ำท่วมภาคใต้ นั้น จากการตรวจสอบพบความเสียหายในโรงไฟฟ้าขนาดย่อยที่ อำเภอจะนะบางส่วน ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 เดือนจะสามารถฟื้นฟูให้กลับมาจ่ายไฟฟ้าดังเดิมได้

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN

แท็กบทความ