
จับตานโยบายของผู้นำสหรัฐฯต่อนานาชาติ นอกจากการเดินหน้ามาตรการภาษีตอบโต้แล้ว ยังมีการกดดันเรื่องนโยบายการเงินของชาติอื่นด้วยเช่นกัน

สรุปข่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (3 มีนาคม 2568) ว่า ได้แจ้งต่อผู้นำญี่ปุ่นและจีนว่าทั้งสองประเทศไม่สามารถลดค่าเงินของตนเองอย่างต่อเนื่องได้ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กล่าว ณ ทำเนียบขาวว่า เขาได้โทรหาประธานาธิบดีสี และผู้นำญี่ปุ่น เพื่อบอกว่า พวกคุณไม่สามารถลดค่าเงินลงเรื่อย ๆ แบบนี้ได้ พวกคุณทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะมันไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ มันยากมากสำหรับสหรัฐฯที่จะผลิตรถแทรกเตอร์ เช่น แคทเธอร์พิลลาร์ (Caterpillar) ที่นี่ ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น จีน และที่อื่น ๆ กำลังทำลายค่าเงินของตัวเอง หรือพูดอีกอย่างคือกำลังกดค่าเงินลง
ที่สำคัญ คือ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังระบุว่า สหรัฐฯ สามารถชดเชยความเสียเปรียบที่ผู้ผลิตต้องเผชิญด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้า แทนที่จะโทรไปเรียกร้องซ้ำ ๆ โดยย้ำว่า ทั้งหมดนี้เมื่อรวมกันแล้ว วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคือการใช้ภาษีนำเข้า
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงกว่า 1% ในเช้าวันนี้ (4 มีนาคม ) หลังจากความเห็นของปธน.ทรัมป์ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นชั่วคราว ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายค่าเงินและภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกันเมื่อไปถามเรื่องนี้จากทาง คัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น เกี่ยวกับความเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์ รัฐมนตรีคลังตอบกลับเพียงว่า ญี่ปุ่นไม่ได้ใช้นโยบายที่มุ่งทำให้เงินเยนอ่อนค่าโดยตรง
นอกจากนี้ คาโตะย้ำชัดว่า ญี่ปุ่นได้ยืนยันจุดยืนพื้นฐานเกี่ยวกับนโยบายค่าเงินกับกลุ่ม G7 และสหรัฐฯ รวมถึงในการหารือทวิภาคีกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา
ที่มาข้อมูล : รัฐบาลสหรัฐ Reuters
ที่มารูปภาพ : Freepik Flux

ทิฆัมพร อยู่กำเหนิด