
นโยบายหรือคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะท่าทีที่แข็งกร้าวกับรัฐบาลจีน ที่มักถูกปรับในภายหลังเนื่องจากผลกระทบที่ย้อนกลับมายังสหรัฐเอง
รวมถึงการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเรือขนส่งสินค้าทุกลำที่ต่อในจีนที่จะมาจอดเทียบท่าในสหรัฐ โดยหวังจะลดอิทธิพลของจีน และสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเรือของสหรัฐฯ
ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (17 เมษายน 2568) โดยทางสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ประกาศในเอกสารราชการว่า มีการผ่อนคลายค่าธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บกับเรือสินค้าจีนให้ต่ำกว่าข้อเสนอเดิมในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งประกาศจะเก็บค่าธรรมเนียมมากสุดถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 50 ล้านบาท) ต่อการเทียบท่าครั้งหนึ่ง จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับอุตสาหกรรมเดินเรือทั่วโลก เพราะบรรดาผู้บริหารในอุตสาหกรรมเดินเรือกังวลว่า บริษัทขนส่งทางเรือเกือบทุกแห่งอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนหลายรายการ ซึ่งค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเหล่านี้อาจทำให้สินค้าส่งออกจากสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้น และยังส่งผลให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องจ่ายค่าสินค้านำเข้าแพงขึ้นด้วย

สรุปข่าว
สำหรับแผนการที่ปรับใหม่นั้น เรือแต่ละลำจะถูกเก็บค่าธรรมเนียมเทียบท่าเพียงครั้งเดียวต่อการเดินทาง และไม่เกิน 6 ครั้งต่อปี ซึ่งค่าธรรมเนียมใหม่จะเริ่มใช้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยเรือเทกองจะจ่ายค่าธรรมเนียมตามน้ำหนักของสินค้าที่บรรทุก ส่วนเรือคอนเทนเนอร์จะจ่ายตามจำนวนตู้คอนเทนเนอร์
ส่วนเรือที่เข้ามายังท่าเรือสหรัฐฯ โดยยังไม่บรรทุกสินค้า และจะมารับสินค้าเทกอง เช่น ถ่านหินหรือธัญพืชนั้น จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเทียบท่า
นอกจากนี้ USTR ยังตัดสินใจไม่เก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมตามเปอร์เซ็นต์ของเรือที่ต่อขึ้นในจีนในฝูงเรือของแต่ละบริษัท หรือจากแผนการสั่งซื้อเรือจากจีนในอนาคต ซึ่งเคยเสนอไว้ในแผนเดิมก่อนหน้านี้
ที่มาข้อมูล : รัฐบาลสหรัฐ
ที่มารูปภาพ : Freepik canva