
มูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody’s Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของธนาคารชั้นนำของสหรัฐฯ ได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase), แบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America) และเวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo) เมื่อวันจันทร์ (19 พฤษภาคม 2568 )
โดยปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเงินฝากระยะยาวของแบงก์ ออฟ อเมริกา, เจพีมอร์แกน และเวลส์ ฟาร์โก ลงจากระดับ Aa1 เป็น Aa2
และลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านความเสี่ยงจากการเป็นคู่สัญญาระยะยาว (Long-term counterparty risk ratings) ของบางสาขา
และบริษัทในเครือของธนาคาร BNY และสเตตสตรีท (State Street) จากระดับ Aa1 เป็น Aa2 เช่นกัน
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ (16 พฤษาคม 2568 ) "มูดี้ส์" ก็ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับ Aaa ลงมาอยู่ที่ Aa1 โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงหนึ่งขั้นสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะและภาระดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ที่มีอันดับใกล้เคียงกันอย่างมาก” โดยหนี้สาธารณะของสหรัฐฯนั้นพุ่งขึ้นถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
มูดี้ส์ระบุในบันทึกว่า การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ สะท้อนถึงความสามารถที่ลดลงของรัฐบาลในการสนับสนุนภาระผูกพันทางการเงินของธนาคารเหล่านี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง
สรุปข่าว
มูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody’s Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของธนาคารชั้นนำของสหรัฐฯ ได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase), แบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America) และเวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo) เมื่อวันจันทร์ (19 พฤษภาคม 2568 )
โดยปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเงินฝากระยะยาวของแบงก์ ออฟ อเมริกา, เจพีมอร์แกน และเวลส์ ฟาร์โก ลงจากระดับ Aa1 เป็น Aa2
และลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านความเสี่ยงจากการเป็นคู่สัญญาระยะยาว (Long-term counterparty risk ratings) ของบางสาขา
และบริษัทในเครือของธนาคาร BNY และสเตตสตรีท (State Street) จากระดับ Aa1 เป็น Aa2 เช่นกัน
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ (16 พฤษาคม 2568 ) "มูดี้ส์" ก็ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับ Aaa ลงมาอยู่ที่ Aa1 โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงหนึ่งขั้นสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะและภาระดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ที่มีอันดับใกล้เคียงกันอย่างมาก” โดยหนี้สาธารณะของสหรัฐฯนั้นพุ่งขึ้นถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
มูดี้ส์ระบุในบันทึกว่า การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ สะท้อนถึงความสามารถที่ลดลงของรัฐบาลในการสนับสนุนภาระผูกพันทางการเงินของธนาคารเหล่านี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง
ด้าน"สก็อตต์ เบสเซนต์" รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ไม่ได้แสดงความกังวลต่อการที่มูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody’s Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ
โดยเบสเซนต์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้กับผู้ดำเนินรายการ “Meet the Press”
ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีในวันอาทิตย์ (18 พฤษภาคม 2568 ) ว่า
“มูดี้ส์เป็นดัชนีชี้วัดที่ล้าหลัง นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิดเกี่ยวกับบรรดาสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ”
- "มูดี้ส์" ปรับแนวโน้มเครดิต “อิตาลี” เป็นเชิงบวก
- “มูดี้ส์” หั่นเครดิตสหรัฐฯ หลุด AAA สุดท้าย
- “Moody’s” หั่นเรทติ้ง “สหรัฐฯ” รอบ 100 ปี จาก “Aaa” เหลือ “Aa1” Stable คาดขาดดุลอ่วม หนี้ล้น ดอกเบี้ยท่วม
- มูดี้ส์ “มองมุมลบ” ลางร้ายศก.ไทย?
- ส่องราคา หุ้น เเบงก์ใหญ่ล่าสุด หลังมูดี้ส์หั่นเรทติ้งส์เป็น “เชิงลบ”
- "มูดี้ส์" ลดมุมมองความน่าเชื่อถือ 7 "สถาบันการเงินไทย" จาก "มีเสถียรภาพ" เป็น "เชิงลบ"
- มูดี้ส์หั่นมุมมองเครดิต “ไทย” สู่ “เชิงลบ”
ที่มาข้อมูล : Moody’s Ratings
ที่มารูปภาพ : Freepik canva
