ทองคำกลับสู่ขาขึ้น! 'หมอกฤชรัตน์' ชี้ปัญหาหนี้สหรัฐฯ-ดอลลาร์อ่อน หนุนจ่อทดสอบ $3500

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด เปิดเผยในรายการ WEALTH LIVE (26 พ.ค. 68) ว่า ราคาทองคำได้กลับเข้าสู่ ทิศทางขาขึ้นในระยะสั้นแล้ว และคาดว่าในระยะกลางถึงระยะยาวจะสามารถกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ (ทองไทยลุ้น 55,500 บาท) โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ, การเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง แนะกลยุทธ์ "ขึ้นให้ขาย ลงให้ซื้อ ทยอยเข้าทยอยออกให้เร็ว" โดยยังคงเป้าหมายราคาทองคำปลายปี 2568 ที่ 3,800-4,000 ดอลลาร์ฯ

ปัจจัยหนุนทองคำ: หนี้สหรัฐฯพุ่ง - บอนด์ยิลด์สูง - ดอลลาร์อ่อนค่า

นพ.กฤชรัตน์ ชี้ว่า แม้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะดูเหมือนหยุดพักไปชั่วคราว แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อราคาทองคำ



สรุปข่าว

(26 พ.ค. 68) นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ จากเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ชี้ราคาทองคำกลับเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นในระยะสั้นแล้ว คาดมีโอกาสทดสอบ $3,500 (ทองไทยลุ้น 55,500 บาท) ในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้า ปัจจัยหนุนหลักมาจากปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ การเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ และแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยยังคงเป้าหมายราคาทองคำปลายปี 2568 ที่ $3,800-$4,000 ต่อออนซ์ แนะกลยุทธ์ "ขึ้นให้ขาย ลงให้ซื้อ ทยอยเข้าทยอยออกให้เร็ว" รับมือความผันผวน

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด เปิดเผยในรายการ WEALTH LIVE (26 พ.ค. 68) ว่า ราคาทองคำได้กลับเข้าสู่ ทิศทางขาขึ้นในระยะสั้นแล้ว และคาดว่าในระยะกลางถึงระยะยาวจะสามารถกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ (ทองไทยลุ้น 55,500 บาท) โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ, การเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง แนะกลยุทธ์ "ขึ้นให้ขาย ลงให้ซื้อ ทยอยเข้าทยอยออกให้เร็ว" โดยยังคงเป้าหมายราคาทองคำปลายปี 2568 ที่ 3,800-4,000 ดอลลาร์ฯ

ปัจจัยหนุนทองคำ: หนี้สหรัฐฯพุ่ง - บอนด์ยิลด์สูง - ดอลลาร์อ่อนค่า

นพ.กฤชรัตน์ ชี้ว่า แม้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะดูเหมือนหยุดพักไปชั่วคราว แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อราคาทองคำ



  1. การเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ: ธนาคารกลางและกองทุนหลายแห่งเริ่มเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ ทำให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี, 2 ปี และ 30 ปี ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และการประมูลพันธบัตรออกใหม่ก็ไม่เป็นไปตามเป้า
  2. ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า: ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) อ่อนค่าลงจากระดับ 100.5 จุด มาอยู่ที่ 98.8 จุด สะท้อนความเชื่อมั่นที่ลดลง
  3. หนี้สาธารณะสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น: การผ่านร่างกฎหมายลดภาษีในสภาล่างของสหรัฐฯ (เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา) จะทำให้หนี้สาธารณะสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกกว่า 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปีข้างหน้า ยิ่งซ้ำเติมปัญหาหนี้เดิมที่มีอยู่สูง

"ปัญหาเรื่องสหรัฐอเมริกา ยังไม่ได้จบสิ้น...ประเด็นเรื่องการเสื่อมค่าของดอลลาร์ยังเป็นประเด็นหลักที่ทำให้เรายังคิดว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่เป็น Reserve Asset ที่ดี" นพ.กฤชรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้าที่ยังไม่คลี่คลาย ก็ยังเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง



แนวรับ-แนวต้าน และเป้าหมายราคา

  • ระยะสั้น (ปัจจุบัน ~$3,350):
  • แนวรับ: 3,310 ดอลลาร์ฯ
  • แนวต้าน/เป้าหมาย: 3,400 ดอลลาร์ฯ
  • ระยะกลาง (2-3 เดือน): คาดว่าจะกลับไปทดสอบ 3,500 ดอลลาร์ฯ (ทองไทยประมาณ 55,500 บาท หรือสูงกว่าเล็กน้อย ขึ้นกับค่าเงินบาท)
  • แนวรับแข็งแกร่ง (จากการปรับฐานครั้งก่อน): 3,130 ดอลลาร์ฯ โอกาสที่จะลงไปถึง 3,000 ดอลลาร์ฯ อีกครั้งมีน้อยมาก
  • เป้าหมายปลายปี 2568: ยังคงไว้ที่ 3,800 - 4,000 ดอลลาร์ฯ

กลยุทธ์การลงทุน: "ขึ้นให้ขาย ลงให้ซื้อ ทยอยเข้าทยอยออกให้เร็ว"

นพ.กฤชรัตน์ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ตลาดยังมีความผันผวนแต่มีทิศทางขาขึ้นว่า "ยังใช้กลยุทธ์เดิม คือขึ้นให้ขายลงให้ซื้อ ทยอยเข้าทยอยออกให้เร็วครับ ก็เชื่อว่าแนวโน้มต่อเนื่องอยู่ตลอด"

สำหรับนักลงทุนระยะยาว การทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวยังคงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม โดยเฉพาะบริเวณแนวรับสำคัญ

สหรัฐฯ แก้ปัญหาหนี้ไม่ง่าย - QE อาจเป็นทางออกที่หนุนทอง

นพ.กฤชรัตน์ มองว่าการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาลของสหรัฐฯ (ต้องการระดมทุนอีก 3-4 ล้านล้านดอลลาร์) ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากผู้ซื้อพันธบัตรรายใหญ่เดิมอย่างจีนและญี่ปุ่นกลายเป็นผู้ขาย หากสหรัฐฯ ขายพันธบัตรไม่ได้ตามเป้า ทางออกหนึ่งอาจเป็นการทำ QE ซึ่ง "ไม่ว่าจะวิธีการใดที่เข้ามา จะทำให้ดอลลาร์อ่อนแล้วก็ทองคำก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นครับ"

ความผันผวนของราคาทองคำในปัจจุบันสูงกว่าในอดีตมาก การขึ้นลงวันละ 100 เหรียญ กลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งนักลงทุนต้องปรับตัวและบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่กล่าวมา ทิศทางของทองคำในระยะกลางถึงยาวยังคงเป็นขาขึ้นที่น่าสนใจลงทุน