กรุงศรีฯ มอง SET ผ่านจุดต่ำสุดในครึ่งปีแรก! เปิดโผ 7 หุ้นใหญ่ น่าเก็บลงทุนครึ่งปีหลัง

คุณกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE (4 มิ.ย. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในช่วงนี้ยังคงมีความผันผวน โดยมีแรงกดดันหลักจาก การปรับตัวลงของหุ้น DELTA ก่อนการบังคับใช้เกณฑ์ใหม่ในการคำนวณดัชนี SET50/SET100 (น้ำหนักไม่เกิน 10% มีผล 1 ก.ค.) และ ความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ ที่ยังไม่คลี่คลาย อย่างไรก็ตาม มองว่า ครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัว แนะกลยุทธ์ลงทุนในเดือนมิถุนายน โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ที่พื้นฐานดีและราคายัง Laggard จำนวน 7 ตัว ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของสถาบันในประเทศในการกลับเข้าสะสม

สรุปข่าว

นักวิเคราะห์มองตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในระยะสั้นยังคงเผชิญความผันผวนจากแรงกดดันของหุ้น DELTA (ก่อนการใช้เกณฑ์ใหม่ 1 ก.ค. ที่จะจำกัดน้ำหนัก) และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าดัชนี น่าจะค้นพบฐานไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1120 และ 1130 จุด

คุณกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE (4 มิ.ย. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในช่วงนี้ยังคงมีความผันผวน โดยมีแรงกดดันหลักจาก การปรับตัวลงของหุ้น DELTA ก่อนการบังคับใช้เกณฑ์ใหม่ในการคำนวณดัชนี SET50/SET100 (น้ำหนักไม่เกิน 10% มีผล 1 ก.ค.) และ ความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ ที่ยังไม่คลี่คลาย อย่างไรก็ตาม มองว่า ครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัว แนะกลยุทธ์ลงทุนในเดือนมิถุนายน โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ที่พื้นฐานดีและราคายัง Laggard จำนวน 7 ตัว ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของสถาบันในประเทศในการกลับเข้าสะสม

DELTA - การเมือง ปัจจัยกดดันระยะสั้น - แนวรับ SET 1120/1130

คุณกรภัทรชี้ว่า แม้ MSCI จะทำการ Rebalance ไปแล้วเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม แต่หุ้น Big Cap หลายตัว เช่น GULF, AOT, และกลุ่มธนาคาร ยังคงเผชิญแรงขายออกมา ทำให้ดัชนีผันผวนในเชิงลบ โดยวันนี้ (4 มิ.ย.) หุ้น DELTA ปรับตัวลงแรงกว่า 7% กดดันดัชนีไป 7 จุด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการทยอยปรับน้ำหนักก่อนเกณฑ์ใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม (คาด Outflow จาก DELTA ประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งตลาดอาจรับรู้ไปบางส่วนแล้ว)

"ประเด็นที่มันถ่วงบ้านเรา...อาจจะเป็น sentiment ลบ ที่ตลาดเองยังกังวลเรื่องตัวประเด็นการเมือง มากกว่าเรื่องตัว factor ด้านอื่นๆ" คุณกรภัทรกล่าวถึงอีกปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาด

ในเชิงเทคนิค หลัง SET Index หลุดแนวรับ 1,178 จุด ฐานของดัชนีอาจอยู่ที่บริเวณ 1,120 จุด และแนวรับถัดไป 1,130 จุด ซึ่งคาดหวังว่าจะสามารถรองรับการปรับตัวรอบนี้ได้

ปัจจัยบวก: S&P คงเครดิต - คาดหวัง Fed ผ่อนคลาย

ท่ามกลางความไม่แน่นอน ยังมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง คือการที่ S&P คงอันดับเครดิตและมุมมองเสถียรภาพของไทย ทำให้ค่า CDS ของไทยปรับลดลง สะท้อนความเสี่ยงในมุมมองต่างชาติที่ลดลง ซึ่งหนุนให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทย ส่วนตลาดหุ้นยังต้องรอสัญญาณการกลับทิศของ Fund Flow ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับมุมมองเป็น Dovish มากขึ้น หรือดอกเบี้ยในประเทศปรับลดลงอย่างมีนัยยะ

กลยุทธ์ลงทุนมิถุนายน และ 7 หุ้นเด่นน่าสะสมครึ่งปีหลัง:

คุณกรภัทรยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก โดยได้แนะนำหุ้น 7 ตัวที่น่าสนใจสำหรับเดือนมิถุนายน และคาดว่าจะเป็นเป้าหมายของสถาบันในประเทศในการกลับเข้าสะสมเพื่อลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง:

  1. ADVANC: ได้รับผลกระทบจากการลดน้ำหนักของ MSCI แต่ปัจจัยพื้นฐานยังดี
  2. CPALL: เช่นเดียวกับ ADVANC ได้รับผลกระทบจาก MSCI แต่พื้นฐานแข็งแกร่ง
  3. AOT: หุ้น Deep Value Play แม้กราฟเทคนิคอาจยังไม่สวยงาม แต่เป็นเป้าหมายการลงทุน
  4. GULF: หุ้น Deep Value Play เช่นกัน
  5. SCC: กลุ่มปิโตรเคมี ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
  6. PTTGC: กลุ่มปิโตรเคมี เป็นตัวที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่
  7. CENTEL: กลุ่มท่องเที่ยว คาดหวังการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน (Month on Month Improve) มีขนาดที่เหมาะสมสำหรับสถาบันฯ