“หมอกฤชรัตน์” ชี้ทองคำสิ้นสุดการปรับฐาน ลุ้นปลายปีทดสอบ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ

นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE โดยระบุว่าราคาทองคำกำลัง "ค่อยๆ ขึ้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง" หลังจากเผชิญแรงเทขายในช่วงเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าและสงครามความขัดแย้งที่เบาบางลง ทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์เสี่ยง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระแสลมได้เปลี่ยนทิศอีกครั้ง นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อสงครามการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะที่ 2 และตัวเลขเงินเฟ้อที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ทองคำกลับมาน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

สรุปข่าว

“หมอกฤชรัตน์” MTS Gold แนะนำกลยุทธ์เข้าซื้อทองคำ ว่าสามารถใช้กลยุทธ์ Follow Buy หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 3,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อย่างมั่นคง หรือรอ Buy on Dip (ซื้อเมื่อย่อตัว) บริเวณแนวรับที่ 3,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนทองคำไทยนั้น จุดเข้าซื้อที่น่าสนใจอยู่บริเวณ 53,000 บาทต่อบาททองคำ

นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE โดยระบุว่าราคาทองคำกำลัง "ค่อยๆ ขึ้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง" หลังจากเผชิญแรงเทขายในช่วงเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าและสงครามความขัดแย้งที่เบาบางลง ทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์เสี่ยง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระแสลมได้เปลี่ยนทิศอีกครั้ง นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อสงครามการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะที่ 2 และตัวเลขเงินเฟ้อที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ทองคำกลับมาน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ปัจจัยหนุนทองคำกลับสู่ทิศทางขาขึ้น

นายแพทย์กฤชรัตน์วิเคราะห์ว่า ระยะกลางและระยะยาวยังคงเป็นทิศทางขาขึ้นที่ชัดเจน โดยมีจุดสังเกตสำคัญในระยะสั้นคือแนวรับที่ 3,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

"ถ้าใน 1-2 วันนี้ ราคาไม่หลุดระดับ 3,350ดอลลาร์สหรัฐฯ ลงมา จะถือว่าราคาเข้าสู่โหมดของการสิ้นสุดการปรับฐาน และจะเป็นขาขึ้นต่อไป" นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว

นอกจากนี้ แนวรับที่ระดับ 3,300ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งมากจากการทดสอบมาแล้วหลายครั้ง ทำให้โอกาสที่ราคาจะร่วงลงลึกๆ นั้นเป็นไปได้ยากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับเป้าหมายราคาในช่วงปลายปีนี้ คาดว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำโลกจะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ 2 ประการคือ:

  1. นโยบายดอกเบี้ยของเฟด (Fed): มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อทองคำ

  2. แรงซื้อจากธนาคารกลาง: ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอุปสงค์ที่แข็งแกร่งคอยพยุงราคาอยู่

อย่างไรก็ตาม สำหรับราคาทองคำในประเทศไทย นายแพทย์กฤชรัตน์เตือนว่า อาจจะไม่สามารถกลับไปทำจุดสูงสุดเดิมที่ 55,000 บาทได้ แม้ราคาในตลาดโลกจะไปถึง 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ตาม

"สาเหตุหลักมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จากต้นปีที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ ตอนนี้เหลือ 32.50 บาท ซึ่งการแข็งค่าขึ้น 1.50 บาทนี้ ได้กดดันราคาทองคำในประเทศไปแล้วกว่า 2,400 บาท" 

ดังนั้น เป้าหมายราคาทองไทยในช่วงปลายปีจึงคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 53,500 บาท