ลุงโฉลกมอง สหรัฐฯ จ่อ 'Revalue ทองคำ' ครั้งประวัติศาสตร์ แนะหาจังหวะสะสมรับขาขึ้นใหญ่

Bitcoin ระยะสั้นผันผวน ระยะยาวคือ Store of Wealth 

จากทฤษฎีดังกล่าว คุณลุงโฉลกได้ให้คำแนะนำการลงทุนในทองคำไว้อย่างน่าสนใจคือ

ภาพรวมในระยะยาวเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่งมาก (Bullish Trend) การที่ราคา Sideway ในรูปแบบธงสามเหลี่ยม (Pennant) ยิ่งนานเท่าไหร่ การระเบิดของราคาก็จะยิ่งรุนแรงเท่านั้น คำแนะนำช่วงนี้ คุณลุงโฉลกแนะ"ใครไม่มีก็มีซะ" และถือลงทุนในระยะยาวโดยไม่ใช้มาร์จิ้นสูงเกินไป เพื่อทนทานต่อความผันผวนระยะสั้นได้ ในส่วนเป้าหมายราคาไม่สามารถประเมินได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่คาดว่าจะเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งใหญ่ และอาจเห็นราคาปรับขึ้นเท่าตัว ได้

สำหรับบิตคอยน์ คุณลุงโฉลกมองว่าต้องแยกการวิเคราะห์เป็น 2 สถานะคือ

• ในฐานะสินทรัพย์เก็งกำไร การปรับตัวลดลงล่าสุดจากประเด็นข่าวลือเรื่องนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ถือเป็นเรื่องปกติและไม่ได้รุนแรง ในทางเทคนิคระยะสั้นยังมองว่าเป็นแนวโน้มขาลง (Short-Term Bearish)

• ในฐานะ Store of Wealth (ที่เก็บความมั่งคั่ง) มองว่า 1 Bitcoin มีค่าเท่ากับ 1 Bitcoin โดยไม่เทียบกับเงินเฟียตที่เสื่อมค่าลงตลอดเวลา การถือบิตคอยน์ในระยะยาวจึงเป็นขาขึ้นเสมอ (Long-Term Bullish)

"ต้องเปลี่ยนความคิดว่า 1 Bitcoin ไม่ได้เท่ากับ 4 ล้านบาท แต่ 1 Bitcoin เท่ากับ 1 Bitcoin ถ้าคิดแบบนี้ การถือยาวไม่มีวันขาดทุน" คุณลุงโฉลกกล่าว

เป้าหมายราคา ในระยะสั้นมีโอกาสเห็น 130,000 ดอลลาร์ ส่วนระยะยาวภายในปีนี้ถึงปีหน้าอาจได้เห็น 200,000-300,000 ดอลลาร์

เมื่อถามถึงระหว่างทองคำและบิตคอยน์ สินทรัพย์ใดจะให้ผลตอบแทนดีกว่ากันในระยะยาว คุณลุงโฉลกได้ใช้วิธีการทางเทคนิคโดยการนำราคาบิตคอยน์หารด้วยราคาทองคำ (BTCUSD / XAUUSD) เพื่อเปรียบเทียบความแข็งแกร่ง

"ผลลัพธ์ชัดเจนว่าในภาพรวมทุกระยะ ทั้งสั้น กลาง ยาว บิตคอยน์ยังคงแข็งแกร่งกว่าทองคำ แปลว่าถ้าลงทุนด้วยเงินเท่ากันในสองสินทรัพย์นี้ การลงทุนในบิตคอยน์จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า"