คนไทยซื้อ "ทองคำ" อันดับ 10 ของโลก "กูรู" ล็อคเป้าราคาทองปีนี้ 57,000 บาท

คนไทยซื้อ "ทองคำ" อันดับ 10 ของโลก "กูรู" ล็อคเป้าราคาทองปีนี้ 57,000 บาท

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำไปต่อ หลังจาก Fedwatch Tool ให้น้ำหนักกว่า 90% ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25-0.50% ในเดือนนี้ และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีเฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 0.75%

สรุปข่าว

ไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำอาเซียน ผ่านการพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ที่เชื่อมภูมิภาค ยกระดับทักษะฝีมือช่างทองและลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพร้อมเรียกร้องความร่วมือจากภาคเอกชน

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำไปต่อ หลังจาก Fedwatch Tool ให้น้ำหนักกว่า 90% ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25-0.50% ในเดือนนี้ และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีเฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 0.75%

โดยหากรอบนี้เฟดลดดอกเบี้ย 0.50% ราคาทองน่าจะดีดตัวขึ้น แต่หากปรับลด 0.25% ราคาอาจไปไม่ไกลนัก เพราะตลาดรับข่าวไปมากแล้ว ให้แนวต้าน 3,750 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ถ้าผ่านไปได้ราคาทองคำมีเสถียรภาพมากขึ้น ให้แนวต้านถัดไป 3,850-3,950 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และแนวต้านใหญ่ที่ 4,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งคาดการณ์ยากมากว่าจะเห็นปีนี้หรือไม่ เพราะขึ้นกับปัจจัยต่างประเทศ โดยล่าสุดราคาทองคำทะลุ 3,600 เหรียญสหรัฐ/สหรัฐ ทำสถิติสูงสุดไปแล้ว

ปัจจัยหนุนราคาทองคำ ได้แก่ นโยบายภาษีสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ , การลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ (De-dollarization), สงคราม ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงความต้องการทองคำของธนาคารกลางในหลายประเทศ

นางพวรรณ์ กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับขึ้นไปปีละเฉลี่ย 100 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แต่ปีนี้ช่วงครึ่งแรกราคาทองคำปรับขึ้นไปแล้ว 400 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยธนาคารกลางประเทศต่างๆ ก็ยังเดินหน้าซื้อทองคำต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละปีขุดทองคำได้ 300 ตัน กลุ่มธนาคารกลางเข้าซื้อ 100 ตัน ส่วนที่เหลือมีความต้องการทองคำเพื่อการลงทุน (Investment) , ธุรกิจจิวเวลรี่ และ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ดี จากที่เงินบาทแข็งค่ามากขึ้น ทำให้คาดว่าปีนี้ทองไทยน่าจะอยู่ที่ 56,000-57,000 บาท (บนค่าเงินบาท 31 บาท/ดอลลาร์) จากก่อนหน้าคาดว่าทองไทยน่าจะแตะ 60,000 บาท (บนค่าเงินบาท 32.50 บาท/ดอลลาร์) จากปัจจุบันราคาทองคำปรับขึ้นมากว่า 54,000 บาท เนื่องจากเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น ซึ่งทางสหรัฐน่าจะพยายามทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่าไปมาก โดยให้อยู่บริเวณ 31 บาทปลายๆ หรือ 32 บาท หากไม่ทำอะไรเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นมาถึง 31.00 บาท/ดอลลาร์

ขณะที่ทิศทางความต้องการทองคำในประเทศไทยปีนี้ ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 ที่มีความต้องการทองคำของไทยเพื่อการบริโภค (ไม่รวมอุปสงค์จากธนาคารกลาง) สูงถึง 49 ตัน เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในโลก ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพื่อการบริโภคของไทยอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก และอันดับที่ 4 ของเอเชีย

ประเทศไทยถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่ความต้องการทองคำเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี 2564-2567 ขณะที่ปีนี้ภาพรวมครึ่งปีแรกความต้องการทองคำเพื่อบริโภคของไทยอยู่ที่ 20.7 ตัน เติบโต 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงคาดการณ์ว่าทิศทางการเติบโตของไทยปีนี้ทั้งปีจะไม่ต่ำกว่าปี 2567 แน่นอน โดยเฉพาะความต้องการทองคำเพื่อการลงทุน เนื่องจากทิศทางราคาปีนี้ยังมีแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน แม้ว่าล่าสุดจะทำจุดสูงสุดใหม่ทะลุ 3,500 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ไปแล้ว

อนึ่ง ช่วง 8 เดือนแรกของปี 68 กลุ่ม YLG มียอดขายทองคำ 2 ล้านล้านบาท และในสิงคโปร์ 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเท่ากับยอดขายทั้งปี 67

อย่างไรก็ดี YLG เปิเผยว่า จากการสำรวจล่าสุดพบว่านักลงทุนไทย 100% มีจำนวน 97% ที่ลงทุนในทองคำ ในกลุ่มนี้มี 20% ที่เข้ามาลงทุนทองคำโดยที่ไม่เคยซื้อมาก่อน และมี 77% ที่ลงทุนโดยเคยซื้อทองคำมาแล้ว ขณะเดียวกันมีเพียง 3% ที่ไม่คิดลงทุนและซื้อทองคำ โดยให้เหตุผลว่าความรู้และความสามารถในการซื้อมีจำกัด รวมถึงไม่ทราบถึงทางเลือกการลงทุนทองคำที่จับต้องได้ราคาไม่แพง รวมถึงนักลงทุนทองคำเกือบครึ่งหนึ่งกังวลเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ทองคำ เช่น สินค้าปลอม และ ความบริสุทธิ์ที่ไม่มีการรับประกันความปลอดภัย รวมถึงกังวลด้านการเก็บรักษาทองคำให้ปลอดภัย

จากปัญหาและความกังวลดังกล่าวคณะกรรมการสมาคมผู้ค้าทองคำจึงได้ร่วมมือกันแต่งตั้งองค์กรกำกับดูแลการดำเนินงานกิจการค้าทองออนไลน์ในประเทศไทย (SRO) ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลตนเอง มีคณะอนุกรรมการด้านการซื้อขายทองคำออนไลน์จำนวน 7 คน วาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ดำรงตำแหน่งสูงสุด 2 วาระติดต่อกัน โดยจะคัดเลือกจากนิติบุคคลไทยที่มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาทขึ้นไปที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการค้าทองคำออนไลน์และมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ความเป็นเจ้าของ

"ความร่วมมือในการก่อตั้ง SRO นี้ ถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมทองคำให้เกิดความโปร่งใสและเป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการรักษาความซื่อสัตย์สุจริต การรับรองราคาที่โปร่งใสและเป็นธรรม ปกป้องข้อมูลลูกค้าและความปลอดภัยของระบบ หลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำให้เข้าใจผิดหรือผิดกฎหมาย"

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์และราคาอย่างชัดเจน รวมถึงส่งเสริมกิจกรรมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่งเสริมความเข้าใจของสาธารณชนเกี่ยวกับการซื้อขายทองคำออนไลน์ มุ่งสร้างความไว้วางใจ ความเชื่อมั่น และมาตรฐานตลาด เพื่อให้ทั้งผู้ซื้อหรือผู้ขายได้ประโยชน์จากมาตรฐานความโปร่งใสที่ SRO สร้างขึ้น การรณรงค์การมีส่วนร่วมในการสร้างความโปร่งใสของสมาชิก มีช่องทางร้องเรียนและการประเมินสมาชิก สร้างระบบนิเวศการซื้อขายทองคำที่น่าเชื่อถือและยืดหยุ่น รับรองการคุ้มครองผู้บริโภคและความเชื่อมั่นในระยะยาว สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับสากลเพื่อการกำกับดูแลที่ยั่งยืนส่งเสริมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องผ่านการศึกษาและนวัตกรรม

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง มองราคาทองคำในปีนี้ที่ 56,000 บาท และทองคำโลกที่ 3,780 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ จากปัจจัยสนับสนุนของการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าปีนี้จะปรับลด 2-3 ครั้ง หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐซบเซา ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

ส่วนแนวโน้มตลาดทองคำในไตรมาส 4/68 นายธนรัชต์ กล่าวว่า ปัจจัยภายนอกยังเป็นแรงหนุนสำคัญ ทั้งทิศทางดอกเบี้ยของประเทศเศรษฐกิจหลัก สภาวะค่าเงิน และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ผันผวน ขณะที่ในประเทศ สัญญาณการบริโภคยังทรงตัวในเชิงบวกและการขยายบริการหลากหลายช่องทางช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อขายและออมทอง

"นักลงทุนควรกำหนดเป้าหมายระยะยาว เลือกระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม และทยอยสะสมอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความผันผวนของต้นทุนมากกว่าการหวังผลระยะสั้น" นายธนรัชต์ กล่าว

นอกจากนี้ กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง ยังวางบทบาทเชิงรุกในการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำอาเซียน ผ่านการพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ที่เชื่อมภูมิภาค ยกระดับทักษะฝีมือช่างทองและลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพร้อมเรียกร้องความร่วมือจากภาคเอกชน หน่วยงานกำกับ และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง

ในช่วง 8 เดือนของปี 68 กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง มียอดขายทองคำมากกว่ายอดขายในปี 67 ที่ผ่านมาที่มี 2.67 ล้านล้านบาท

ที่มาข้อมูล : ฮั่วเซ่งเฮง, วายแอลจี บูลเลี่ยน

ที่มารูปภาพ : TNN