"GCAP GOLD" ประเมิน "ราคาทอง" แตะ 56,000 ลุ้น "เฟด" หั่นดอกเบี้ย มองจ้างงาน การเมืองกดดัน

"GCAP GOLD" ประเมิน "ราคาทอง" แตะ 56,000 ลุ้น "เฟด" หั่นดอกเบี้ย มองจ้างงาน การเมืองกดดัน

น.ส.อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเชิงบวก เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนวันที่ 17 กันยายน 2568 โดยมีความเป็นไปได้สูงว่า เฟดจะเริ่มวงจรการปรับลดดอกเบี้ย

สรุปข่าว

กลยุทธ์การลงทุนทองคำ โดยรอย่อตัวเข้าซื้อที่ $3,630 / $3,600 โดยภาพรวมราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาทะลุกรอบสามเหลี่ยมขึ้นมายังไม่มีการพักตัวครั้งใหญ่ที่ชัดเจน

น.ส.อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเชิงบวก เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนวันที่ 17 กันยายน 2568 โดยมีความเป็นไปได้สูงว่า เฟดจะเริ่มวงจรการปรับลดดอกเบี้ย

ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานอ่อนแรงลง และการจ้างงานชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้ หรืออาจมากถึง 3 ครั้ง หากแรงกดดันเศรษฐกิจยังรุนแรง

ขณะเดียวกัน ตลาดยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับคำแถลงหลังการประชุมของนายเจอโรม พาวเวล โดยหากส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายอย่างจริงจัง ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับลดลง ซึ่งเป็นแรงหนุนโดยตรงต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตามหากพาวเวลล์ เลือกสื่อสารอย่างระมัดระวังและเดินเกมชะลอการลดดอกเบี้ย ก็อาจกระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไรในระยะสั้น

อีกทั้งยังมีปัจจัยที่ไม่อาจมองข้าม ได้แก่ ความเสี่ยงทางการเมือง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเดินหน้ากดดันเฟดให้ลดดอกเบี้ย พร้อมทั้งเพิ่มแรงกดดันต่อเวทีโลก ทั้งการเรียกร้องให้ NATO ใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ต่อรัสเซีย และการเสนอให้เก็บภาษีสินค้าจีนสูงถึง 100% ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งตอกย้ำบรรยากาศความไม่แน่นอนในตลาดโลก ทำให้นักลงทุนหันกลับมาถือครองทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

“จากปัจจัยข้างต้น จึงประเมินว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์นโยบายการเงินสหรัฐฯ ควบคู่กับปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนควรติดตามผลประชุมเฟดและคำแถลงของพาวเวลอย่างใกล้ชิด รวมถึงจับตาสถานการณ์สงครามยูเครน-รัสเซีย และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยจากปัจจัยดังกล่าวจึงมองว่า จะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาทองคำในช่วงโค้งสุดท้ายของปี”

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ GCAP GOLD แนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำ โดยรอย่อตัวเข้าซื้อที่ $3,630 / $3,600 โดยภาพรวมราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาทะลุกรอบสามเหลี่ยมขึ้นมายังไม่มีการพักตัวครั้งใหญ่ที่ชัดเจน ในสัปดาห์นี้ราคามีโอกาสผันผวนสูง เนื่องจากมีข่าวสำคัญอย่างผลการประชุมดอกเบี้ยของเฟด

ดังนั้นนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะและรอซื้อเล่นสั้น จะมีแนวรับสำหรับพิจารณาเข้าเก็บที่ $3,630 / $3,600 (ราคาทองคำไทยประมาณ 54,800 / 54,500 บาท) และหากครั้งนี้จะเป็นการย่อแล้วไปต่อ มองว่าการย่อไม่ควรหลุด $3,595 เนื่องจาก หากหลุดการพักตัวจะลึกลงไปอีกระดับ ส่วนเป้าหมายทำกำไรมีโอกาสที่ราคาจะขึ้นทำ All Time High ที่ $3,710–$3,725 (ราคาทองคำไทยอาจอยู่ประมาณ 55,600 / 55,700 บาท) และหากทะลุโซนนี้ไปได้ จะเป็นการเปิดทางให้ราคาพุ่งขึ้นไปได้ถึงระดับ $3,750 (ราคาทองคำไทยอาจอยู่ประมาณ 56,000 บาท)

ที่มาข้อมูล : GCAP GOLD

ที่มารูปภาพ : TNN