ทรัมป์ - สี จิ้นผิง ต่อสายคุยโทรศัพท์ชื่นมื่น หารือการค้า-ยูเครน-ไต้หวัน

Share on Line Share on Facebook Share on X
ทรัมป์ - สี จิ้นผิง  ต่อสายคุยโทรศัพท์ชื่นมื่น  หารือการค้า-ยูเครน-ไต้หวัน

"ทรัมป์" ต่อสายคุยกับ "สี จิ้นผิง" เผยหารือชื่นมื่น ทั้งการค้า ประเด็นยูเครน และไต้หวัน


ทำเนียบขาวสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นการพูดคุยครั้งแรกนับตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายตกลงพักยกสงครามภาษีหลังจากพบหน้ากันเมื่อเดือนก่อนที่เกาหลีใต้ แต่ทางการสหรัฐฯไม่ได้ระบุว่าใครเป็นฝ่ายโทร ซึ่งการสนทนาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ตามที่โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ เลวิตต์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า “ประเด็นหลักคือข้อตกลงทางการค้าที่เรากำลังดำเนินการกับจีน ตลอดจนความสัมพันธ์และทิศทางที่กำลังเคลื่อนไปในทางที่ดีขึ้น” 


ขณะที่หลังจากนั้นไม่นานประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ข้อความเปิดเผยข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการคุยครั้งนี้ ทรัมป์ระบุผ่านทรูธโซเชียลเป็นข้อความว่า ผมเพิ่งมีการคุยโทรศัพท์ที่ดีมากกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เราหารือกันในหลายประเด็นรวมถึง เรื่องยูเครน/รัสเซีย, เฟนทานิล, ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ เราได้มีการทำข้อตกลงที่ดีและสำคัญมากสำหรับเกษตรกรผู้ยิ่งใหญ่ของเรา และมันจะดีขึ้นอีก


พร้อมกล่าวว่าความสัมพันธ์ของเรากับจีนนั้นเข้มแข็งอย่างยิ่ง การโทรศัพท์ครั้งนี้เป็นการติดตามผลจากการประชุมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของเราที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อสามสัปดาห์ก่อน ตั้งแต่นั้นมาก็มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญจากทั้งสองฝ่ายในการทำให้ข้อตกลงของเราเป็นปัจจุบันและถูกต้อง


ตอนนี้เราสามารถตั้งเป้าไปที่ภาพรวมใหญ่ได้ เพื่อจุดประสงค์นั้น ประธานาธิบดีสีได้เชิญผมไปเยือนกรุงปักกิ่งในเดือนเมษายน ซึ่งผมได้ตอบรับ และผมได้เชิญเขามาเป็นแขกของผมสำหรับการเยือนอย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี เราตกลงกันว่าการที่เราสื่อสารกันบ่อยครั้งเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งผมตั้งตาคอยที่จะทำเช่นนั้น 



สรุปข่าว

"ทรัมป์" ต่อสายคุยกับ "สี จิ้นผิง" เผยหารือชื่นมื่น ทั้งการค้า ประเด็นยูเครน และไต้หวัน

"ทรัมป์" ต่อสายคุยกับ "สี จิ้นผิง" เผยหารือชื่นมื่น ทั้งการค้า ประเด็นยูเครน และไต้หวัน


ทำเนียบขาวสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นการพูดคุยครั้งแรกนับตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายตกลงพักยกสงครามภาษีหลังจากพบหน้ากันเมื่อเดือนก่อนที่เกาหลีใต้ แต่ทางการสหรัฐฯไม่ได้ระบุว่าใครเป็นฝ่ายโทร ซึ่งการสนทนาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ตามที่โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ เลวิตต์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า “ประเด็นหลักคือข้อตกลงทางการค้าที่เรากำลังดำเนินการกับจีน ตลอดจนความสัมพันธ์และทิศทางที่กำลังเคลื่อนไปในทางที่ดีขึ้น” 


ขณะที่หลังจากนั้นไม่นานประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ข้อความเปิดเผยข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการคุยครั้งนี้ ทรัมป์ระบุผ่านทรูธโซเชียลเป็นข้อความว่า ผมเพิ่งมีการคุยโทรศัพท์ที่ดีมากกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เราหารือกันในหลายประเด็นรวมถึง เรื่องยูเครน/รัสเซีย, เฟนทานิล, ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ เราได้มีการทำข้อตกลงที่ดีและสำคัญมากสำหรับเกษตรกรผู้ยิ่งใหญ่ของเรา และมันจะดีขึ้นอีก


พร้อมกล่าวว่าความสัมพันธ์ของเรากับจีนนั้นเข้มแข็งอย่างยิ่ง การโทรศัพท์ครั้งนี้เป็นการติดตามผลจากการประชุมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของเราที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อสามสัปดาห์ก่อน ตั้งแต่นั้นมาก็มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญจากทั้งสองฝ่ายในการทำให้ข้อตกลงของเราเป็นปัจจุบันและถูกต้อง


ตอนนี้เราสามารถตั้งเป้าไปที่ภาพรวมใหญ่ได้ เพื่อจุดประสงค์นั้น ประธานาธิบดีสีได้เชิญผมไปเยือนกรุงปักกิ่งในเดือนเมษายน ซึ่งผมได้ตอบรับ และผมได้เชิญเขามาเป็นแขกของผมสำหรับการเยือนอย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี เราตกลงกันว่าการที่เราสื่อสารกันบ่อยครั้งเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งผมตั้งตาคอยที่จะทำเช่นนั้น 



ด้านสำนักข่าว ซินหัว สื่อของจีนรายงานข่าวว่า ระหว่างการพูดคุย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้แจ้งต่อประธานาธิบดีทรัมป์ว่า การกลับคืนสู่จีนของไต้หวัน เป็นส่วนสำคัญของระเบียบโลกหลังสงคราม


นายสีกล่าวว่า จีนและสหรัฐฯ เคยต่อสู้เคียงข้างกันเพื่อต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์และลัทธิแสนยานุภาพนิยม และในตอนนี้ก็ควรทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องผลลัพธ์ของสงครามโลกครั้งที่สอง


ขณะที่ตอนนี้จีนกำลังเผชิญกับวิกฤตทางการทูตกับญี่ปุ่นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี หลังจากที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซานาเอะ ทาคาอิจิ กล่าวเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาระบุว่า หากจีนโจมตีไต้หวันจนทำให้การดำรงอยู่ของญี่ปุ่นถูกคุกคาม ญี่ปุ่นก็อาจตอบสนองด้วยกำลังทหาร  แต่จีนมองว่าเกาะดังกล่าวเป็นดินแดนของตน และได้ประณามถ้อยแถลงของทาคาอิจิ พร้อมเรียกร้องให้ถอนคำพูด


นับแต่นั้นมา จีนได้ออกคำแนะนำคนจีนไม่ควรเดินทางไปญี่ปุ่น ระงับการฉายภาพยนตร์ญี่ปุ่นบางเรื่อง และสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น ทั้งสองประเทศยังยกระดับการซ้อมรบทางทหาร โดยจีนประกาศภารกิจลาดตระเวนในทะเลจีนตะวันออก ขณะที่ญี่ปุ่นประกาศแผนติดตั้งขีปนาวุธในพื้นที่ใกล้ไต้หวัน


ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีสีกับประธานาธิบดีทรัมป์พบกันที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568  หลังจากที่เกิดความตึงเครียดทางการค้าดำเนินมานานหลายเดือนจากการใช้นโยบายภาษีของทรัมป์ หลังจากนั้น จีนก็กลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ และระงับมาตรการขยายขอบเขตการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายาก ขณะที่สหรัฐฯ ได้ลดภาษีสินค้าจากจีนลง 10%


ผู้นำจีนบอกกับผู้นำสหรัฐฯ ในการสนทนาครั้งล่าสุดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ มีเสถียรภาพและดีขึ้นนับตั้งแต่การประชุมที่เกาหลีใต้ ข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าความร่วมมือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ในขณะที่การเผชิญหน้าจะทำลายทั้งสองฝ่าย พร้อมกระตุ้นให้ทั้งสองประเทศรักษาแรงผลักดันเชิงบวกและขยายความร่วมมือระหว่างกัน


ผู้นำทั้งสองยังได้หารือเกี่ยวกับสงครามในยูเครน โดยนายสียืนยันอีกครั้งว่าจีนสนับสนุนทุกความพยายามที่นำไปสู่สันติภาพ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายลดช่องว่างความแตกต่างของกันและกัน

ที่มาข้อมูล : Bloomberg Xinhua

ที่มารูปภาพ : TNN