"ทรัมป์"ค้านจี7จ่ายเงินช่วยบราซิลดับไฟป่าอเมซอน

วันนี้ ( 29 ส.ค. 62 )นายการ์เร็ต มาร์ควิส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯเปิดเผยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ร่วมรับปากในเรื่องที่กลุ่มจี 7 จะมอบเงินช่วย เหลือจำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้บราซิล เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาไฟป่าอเมซอน เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้มีการประสานงานกับรัฐบาลบราซิลก่อน และในการประชุมในประเด็นสิ่งแวดล้อมของบรรดาผู้นำจี 7 ซึ่งได้ข้อสรุปว่าจี 7 จะมอบเงินช่วยเหลือ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่บราซิลนั้น ผู้นำสหรัฐก็ไม่ได้ร่วมประชุมด้วย

นายมาร์ควิสบอกว่าสหรัฐพร้อมที่จะช่วยเหลือบราซิลในความพยายามต่อสู้กับไฟป่า และไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของกลุ่มจี-7 ที่ไม่มีการหารือกับผู้นำบราซิล ซึ่งแนวทางที่สร้างสรรค์ที่สุดในการช่วยเหลือก็คือ การประสานงานกับรัฐบาลบราซิล  พร้อมระบุว่าสหรัฐมีประวัติมายาวนานในการเข้าร่วมความพยายามด้านการอนุรักษ์ในภูมิภาค รวมถึงการให้ความช่วยเหลือจำนวน 80 ล้านดอลลาร์ผ่านการเป็นหุ้นส่วนในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของป่าอเมซอน ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวสะท้อนความวิตกของรัฐบาลบราซิลที่ปฏิเสธเงินช่วยเหลือไปก่อนหน้านี้

ขณะที่ควันจากไฟป่าอเมซอนทำให้ชาวบราซิลวิตกกังวลมากขึ้น เนื่องจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มสูงขึ้น โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองปอร์ตูเวลโย รัฐรอนโดเนียเปิดเผยว่า เด็กๆ และผู้สูงอายุได้รับผลกระทบจากควันที่มาจากไฟป่ามากที่สุด ทำให้มีชาวบ้านเข้ารับการรักษาโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา  สภาพอากาศแห้งแล้งและควันไฟกำลังทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่อเด็กๆ และผู้สูงอายุ เช่น ปอดอักเสบ เจ็บหน้าอก และไอเรื้อรัง พร้อมกับเตือนว่า การเผาพื้นที่ทำให้เกิดควันไฟที่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ และส่งผลให้ชีวิตของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมระบุว่า ไฟป่าอเมซอนขณะนี้ยังไม่ถึงระดับเลวร้ายที่สุด เพราะป่าส่วนที่ไหม้เป็นป่าส่วนที่ถูกแผ้วถางระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน แต่ป่าส่วนที่ถูกทำลายในเดือนกรกฏาคมและเดือนสิงหาคมยังไม่เริ่มไหม้ ขณะเดียวกันฤดูไฟป่าประจำปียังมาไม่ถึง พร้อมกันนี้ก็ได้เรียกร้องให้บราซิลดำเนินมาตรการเพื่อลดความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้น คำเตือนดังกล่าวของผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ของบราซิลประกาศว่าสถานการณ์ไฟป่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว  สวนทางกับรัฐมนตรีกลาโหมของบราซิลที่ให้สัมภาษณ์ว่าสถานการณ์เพียงแค่เริ่มควบคุมได้ แต่ยังไม่ถึงระดับที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ