สหรัฐฯ ปลดรมว.ความมั่นคง ฐานละเลยหน้าที่ จนทำให้ยอดผู้อพยพพุ่ง

สภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่างของสหรัฐฯ ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนมาก ลงมติด้วยคะแนน 214 ต่อ 213 เสียง ถอดถอน อเลฮานโดร มายอร์คาส รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิจากเดโมแครต ถือเป็นการลงคะแนนในสภาล่างเพื่อถอดถอนรัฐมนตรีในรัฐบาลสหรัฐฯ คนแรกในรอบเกือบ 150 ปี

โดย สส.จากฝ่ายรีพับลิกันกล่าวหาว่า มายอร์คาสในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาล โจ ไบเดน ไม่บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมืองจนทำให้มีผู้อพยพลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายผ่านเส้นทางเม็กซิโกและรัฐเท็กซัสมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังแถลงการณ์เท็จต่อสภาคองเกรส

มติการถอดถอนครั้งนี้เริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากสัปดาห์ที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรซึ่งนำโดย ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาฯ จากพรรครีพับลิกัน พยายามลงคะแนนเสียงถอดถอน มายอร์คาสมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะสตีฟ สเกลส์ หนึ่งในสส. จากรีพับลิกันเข้ารับการรักษามะเร็งและไม่ได้เข้าร่วมลงคะแนนเสียง ก่อนที่ในสัปดาห์นี้ จะกลับเข้ามาที่วอชิงตันเพื่อผ่านมติถอดถอนสำคัญครั้งนี้

ขั้นตอนต่อไป มติถอดถอนครั้งนี้จะเข้าไปที่วุฒิสภาหรือสภาสูง ซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงส่วนมาก ดังนั้นมติถอดถอนครั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ผ่านขั้นตอนดังกล่าว

ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ผู้อพยพแบบผิดกฎหมายจำนวนมากเป็นประวัติการณ์เดินทางข้ามแดนเข้าสู่สหรัฐฯ บริเวณพรมแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโก ในขณะที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ประเด็นผู้อพยพเป็นนโยบายสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ปลายปีนี้

มายอร์คาส กล่าวว่า เขาไม่ได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมผู้อพยพบริเวณชายแดนเม็กซิโกและเท็กซัส แต่เป็นเพราะระบบตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ที่ล้มเหลวไม่มีประสิทธิภาพ และสภาคองเกรสก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้

ด้านสํานักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า จํานวนผู้อพยพที่ถูกจับกุมขณะข้ามพรมแดนทางใต้อย่างผิดกฎหมายในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ลดลง 50% จากระดับสูงสุดในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยอ้างถึงแนวโน้มการลดลงตามฤดูกาลและการบังคับกฎหมายใช้ที่เพิ่มขึ้นโดยสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร

ขณะที่กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในประเด็นดังกล่าวเมื่อวานนี้เพื่อปกป้องมายอร์คาส และเรียกร้องให้สภาคองเกรสทํางานร่วมกับฝ่ายบริหารของไบเดนเพื่อปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัยแทนการเล่นการเมืองผ่านการลงมติถอดถอนเช่นนี้

—————

ภาพ: Reuters